Happy Birthday Madiba!

เขาคือนักโทษการเมืองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก

เขาคือฮีโร่ คือวีรบุรุษ คือรัฐบุรุษ คือผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกปัจจุบัน

เขาคือคนที่พิสูจน์ว่า การสมานฉันท์เป็นไปได้เสมอ ตราบเท่าที่เราต้องการมันจริงๆ

เขาคือคนที่นำรอยยิ้มมาสู่ใบหน้าของคนแอฟริกาใต้

เขาคือคนที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของแอฟริกาใต้อย่างถอนรากถอนโคน

เขาคือผู้นำคนแรกที่พิสูจน์ให้โลกเห็นว่า แอฟริกาสามารถจัดมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกได้ในปี 2010

ไม่มีผู้นำคนไหนในโลกนี้ที่จะมีประสบการณ์ที่เจ็บปวดและขมขื่นมากท่านเขาอีกแล้ว แม้กระทั่งมหาตมะ คานธี

ในวันนี้ เนลสัน แมนเดลล่าย่างเข้าสุ่วัย 92 เป็นคนแก่ เป็นผู้เฒ่าคนหนึ่ง

แต่เป็นผู้นำที่อยู่ในใจของคนทั้งโลก

ขอคารวะแด่ "มาดิบา" บุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เท่าที่ทวีปแอฟริกาเคยมี

Happy Birthday Madiba

ถอดรหัสลับ วงจรแชมป์ของสเปน

.



           น่าแปลกน่าสนใจอย่างยิ่ง ว่า ปีที่สเปนคว้าแชมป์ฟุตบอลยุโรปและฟุตบอลโลก มีความหมายบางประการซ่อนเร้นอยู่

            

            ปี 1964 แชมป์ฟุตบอลยุโรป

            ปี 2008 แชมป์ฟุตบอลยุโรป

            ปี 2010 แชมป์ฟุตบอลโลก

    หากรหัสนี้ยังคงความศักดิ์สิทธิลึกลับต่อเนื่อง ก็หมายความว่า

           ปี 2012 มีโอกาสที่สเปนจะคว้าแชมป์ฟุตบอลยุโรปอีกครั้ง

           แต่รหัสปี 2014 บ่งบอกว่าไม่ใช่ปีทองของสเปน จนกว่าจะถึงปี 2020

.

จาก "มือตบ" "เท้าตบ" สู่ "วูวูเซล่า"

    สัญญลักษณ์กลายเป็นสิ่งที่มีความหมายหรือความจำเป็นสำหรับกิจกรรมของคนเราที่ขาดเสียไม่ได้ จนบางครั้งกลายเป็นสิ่งที่สะท้อนหรือเป็นตัวแทนของสิ่งนั้นๆ หรือกลุ่มคนกลุ่มนั้นอย่างแยกไม่ออก กลายเป็นเครื่องหมายที่คนทั่วไปสามารถตีความหรือจดจำได้เป็นอย่างดีว่าหมายถึงอะไร

   
    สัญญลักษณ์หนึ่งที่ติดตาชาวโลกมากที่สุด คือเครื่องหมายสวัสดิกะของพรรคนาซีเยอรมัน ซึ่งหลังสงครามโลกครั้งที่สองกลายเป็นสัญญลักษณ์ที่ชาวโลกหวาดกลัว   และแสลงมากที่สุดและถึงแม้ว่าสงครามโลกจะสิ้นสุดไปแล้วกว่าหกทศวรรษ แต่ผู้คนก็ยังสามารถจดจำสัญญลักษณ์นี้ได้เป็นอย่างดี

     เช่นเดียวกับความขัดแย้งทางการเมืองในสังคมไทย ที่มีการประยุกต์ใช้สัญญลักษณ์อย่างชัดเจน เชื่อได้ว่า คนไทยโดยทั่วไปสามารถแยกแยะจดจำได้ว่า "มือตบ" คือ
สํญญลักษณ์หนึ่งของกลุ่ม "คนเสื้อเหลือง" และ "ตีนตบ" คือสัญญลักษณ์ของของกลุ่ม "คนเสื้อแดง"   

     แต่ที่แอฟริกาใต้ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด ผู้คนที่นั่น หยิบยกเอาเครื่องเป่าวูวูเซล่า หา ใช่เพื่อเยาะเย้ยคนผิวขาวไม่ แต่เพื่อความสนุกสนานเท่านั้น  เพราะความแปลกใหม่ที่โลกลูกหนังไม่คุ้นเคย ทำให้    วูวูเซล่ากลายเป็นสัญญลักษณ์ของฟุตบอลโลก 2010 ไป โดยปริยาย เป็นครั้งแรกๆในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก


    น่าเสียดายว่า ยังไม่มีใครสามารถทำให้เจ้าหมึกพอลเป่าวูวูเซล่าเองได้

Viva Madiba, Viva Tutu

   

       กรุงโรมไม่ได้เป็นผลผลิตของธรรมชาติฉันใด ฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ก็ไม่

ได้เกิดจากน้ำมือของพระเจ้าฉันนั้น

      แต่เครดิตสำคัญที่สุดต้องยกให้สองรัฐบุรุษที่ทำให้แอฟริกาใต้ได้เป็นเจ้าภาพ
มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่และได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกครั้งนี้

      นั่นคือ เนลสัน แมนเดลล่าและสาธุคุณเดสม่อน ตูตู ผู้ร่วมกันผลักดันทำให้ฝันของ

ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกาเป็นจริง ทำให้สิ่งที่คาดไม่ถึงเมื่อสิบยี่สิบปีที่แล้ว

เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ในปี 2010

                            

   

       การประกาศของฟีฟ่าเมื่อปี 2004 ให้แอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลเป็นประเทศ

แรกสุดของทวีปแอฟริกา เป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดเนื่องในโอกาสครบหนึ่งทศวรรษ

ของแอฟริกาใต้ยุคใหม่ เป็นหนึ่งทศวรรษของประวัติศาสตร์การสิ้นสุดนโยบายการ

เหยียดผิว

        อาการดีใจอย่างสุดซึ้งบวกด้วยน้ำตาแห่งความปราบปลื้มเป็นที่สุดของแมนเดลล่า

เมื่อได้รับของขวัญล้ำค่านี้จากฟีฟ่า  มีค่ามีความหมายมากยิ่งกว่าการคว้าแชมป์โลก

เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสเปนเสียอีก

        ว่ากันว่า นี่เป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต(การเมือง)ของแมนเดลล่าก็ว่าได้   

         ถึงแม้ว่า จะพลาดโอกาสไม่สามารถเข้าร่วมพิธีเปิดได้เนื่องจากการการสูญเสีย

โหลนรักจากอุบัติเหตุ  แต่แมนเดลล่าในวัย 91 ปีก็จำใจต้องฝ่าลมหนาวและสังขาร

เข้าร่วมพิธีปิดในนัดชิงชนะเลิศ

         เพื่อให้การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งประวัติศาสตร์นี้ สมบูรณ์จริงๆ

         ไม่มีใครรู้ว่า อาการโบกมือต่อโลกในเดือนกรกฏาคม 2010 ในวันที่ฟุตบอลโลก

ครั้งที่ 19 ปิดม่านลง แตกต่างจากวันโบกมือเมื่อได้รับอิสรภาพในเดือนกุมภาพันธ์ 1990

แค่ไหน อย่างไร

                               

                               

       

            การสูญเสียโหลนรัก อาจจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้แมนเลล่าต้องเก็บตัวไม่

ปรากฏโฉมต่อสาธารณชนตลอดช่วงการแข่งขัน

           แต่คุณสมบัติสำคัญข้อหนึ่งที่ทำให้แมนเดลล่ากลายเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคน

หนึ่งในโลกปัจจุบัน ก็คือความเข้าใจในหลัก "อำนาจพอเพียง" อย่างแท้จริง

          ถึงแม้ว่าฟุตบอลโลก 2010 เป็นไปได้เพราะแมนเดลล่าเป็นสำคัญ แต่แมนเดลล่า
เลือกที่จะโลว์โปร์ไฟล์ตลอดการแข่งขัน  และปฏิเสธที่จะทำหน้าที่สำคัญเหมือนเช่น
การแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลกในปี 1995 ที่แอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ

          แมนเดลล่าปฏิเสธที่จะเป็นจุดเด่น ปฏิเสธที่ทำหน้าที่มอบถ้วยแชมป์โลก เพราะ
เชื่อว่าประธานาธิบดีแอฟริกาใต้คนปัจจุบัน จาคอบ ซูม่าคือคนที่เหมาะสมที่สุดในบท
บาทนี้

          แมนเดลล่าหรือมาดิล่าที่คนแอฟริกาใต้เรียกขานด้วยความเคารพเลือกที่จะใช้
ชีวิตอย่างเงียบสงบที่สุด ด้วยความเชื่อว่า อนาคตของแอฟริกาใต้จำเป็นต้องขึ้นอยู่
กับคนรุ่นปัจจุบันและคนรุ่นใหม่

          แต่ฟุตบอลโลกในครั้งนี้ ใช่ว่าจะขาดสีสันไปเสียทีเดียว

          เพราะ "สีดำ" ของสาธุคุณตูตู กลายเป็น "สีสัน" หนึ่งที่ทำให้การเริ่มต้นฟุตบอล
โลกมีชีวิตชีวา

          เพราะไม่ติดยึดในความเป็น "สาธุคุณ"  จึงทำให้เดสมอน ตูตู กลายเป็น "สาธุ
คุณ"  ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของแอฟริกาใต้

      


        ใครจะเชื่อว่า สาธุคุณตูตู จะสามารถเปลี่ยนบทบาทที่เคร่งขรึม ให้กลายเป็นศิลปิน

ที่สามารถเต้นรำได้อย่างสนุกสนาน

         <http://www.youtube.com/watch?v=HORVufH4gvw&NR=1>

          ทั้งหลายทั้งปวง เพียงเพื่อร่วมสร้างความสุขความหรรษาให้แก่คนแอฟริกาใต้

ทั้งประเทศ เพื่อสร้างเสน่ห์สีสันให้กับฟุตบอลโลก

          ฟุตบอลโลก 2010 ได้ปิดฉากลงไปแล้ว แต่ความทรงจำที่ผู้คนมีต่อสองรัฐบุรุษ

สองวีรบุรุษผู้นำความสมานฉันท์มาสู่แอฟริกาใต้อย่างแมนเดลล่าและสาธุคุณตูตูนั้น

ตรึงลึก

          ขอคารวะให้กับสุดยอดผู้นำทั้งสอง

          Viva Madiba, Viva Tutu

สงคราม Apple VS Oragne

ครั้งหนึ่ง Rinus Michels บิดาแห่งปรัชญา Total Football ผู้วางรากฐาน
หลักฟุตบอลสมัยใหม่ให้แก่เนเธอร์แลนด์และโลกลูกหนัง กล่าวไว้ว่า ฟุตบอลไม่
ต่างจากเกมสงครามอย่างหนึ่ง ที่ต้องมีการต่อสู้ห้ำหั่น มีผู้แพ้ผู้ชนะ

คู่ปฏิปักษ์หลายๆ คู่ ในวงการฟุตบอลระหว่างประเทศ ก็อาัศัยเกมฟุตบอลเป็น
เครืื่องมือหนึ่งในการทำสงคราม หรือทำสงครามที่มองไม่เห็นผ่านเกมฟุตบอล
สำหรับนักประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกแล้ว ยังเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง
ที่คู่ชิงกลับไม่ใช่เนเธอร์แลนด์และเยอรมนี เพราะหากเป็นคุ่นี้แล้ว เราจะเห็นอดีต
ที่ขมขื่นระหว่างสองประเทศนี้กลับมาหอมหวลฟื้นความทรงจำอีกครั้ง เป็นคู่ชิง
ฟุตบอลโลกที่มีความหมายมากกว่าคู่ชิงฟุตบอลโลก

แต่.....

ถึงแม้ความปฏิปักษ์ระหว่างชนชาติดัทช์และสเปนจะไม่ตึงเครียดและร้าวลึก
เหมือนเช่นคนดัทช์กับคนเยอรมัน แต่ไม่ได้แช่แข็งหรือกลายเป็นฟอสซิลที่คน
ในยุคปัจจุบันจะไม่รับรู้เสียเลยคงจะไม่ถูกต้องกระไร หากจะกล่าวว่า คู่ชิงชนะ
เลิศระหว่างเนเธอร์แลนด์กับสเปนไม่ใช่สงคราม(ที่ต่อเนื่องมาจากประวัติศาตร์)

ทั้งสองชาติเคยมีประวัติศาสตร์แห่งความขัดแย้งและสู้รบมานาร่วมสี่ศตวรรษที่
ชาวโลกส่วนใหญ่นึกไม่ถึง  แต่เพลงชาติเนเธอร์แลนด์คือหลักฐานที่เด่นชัดที่สุด
หนึ่งที่สะท้อนถึงความข่มขื่นระหว่างสองชาตินี้ เนื้อหาของเพลงชาติฮอนแลนด์
พูดถึงสงครามกับสเปนในช่วงศตวรรษที่ 16 ประยุกต์มาจากท่อนที่ปลุกระดมให้
ชาวดัทช์ทำสงครามต่อต้านสเปนเมื่อ 440 ปีก่อน

ก่อนจะลงสนามเพียงไม่กี่นาที นักเตะเนเธอร์แลนด์ก็ได้เปรียบนักเตะสเปนแล้ว
เป็นข้อได้เปรียบทางจิตวิทยาที่ไม่มีใครช่วยได้จริงๆ เพราะการร้องเพลงชาติ
 "Wilhelmus" จะช่วยปลุกความฮึกโหมให้นักเตะดอกทิวลิปมากเป็นพิเศษ เหมือน
เช่นนักเตะสก๊อตแลนด์ร้องเพลง Braveheart ก่อนทำศึกกับอังกฤษอย่างไรอย่างนั้น

เกมฟุตบอลมีความหมายและแรงจูงใจมากกว่าเพียงแค่เกมฟุตบอลอย่างเดียว

พอลหรือเวบบ์ : ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่




ไม่อยากเชื่อเลยว่า เจ้า Paul ปลาหมึกยักษ์จะมีอิทธิพลทางจิตวิืทยาต่อโลกลูกหนัง
มากขนาดนี้ เพราะการเลือกผู้ชนะที่ถูกต้องแม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์มากยิ่งกว่าการ
เสี่ยงทายของพระโคในวันพืชมงคล


แต่ที่คู่ชิงอย่างเนเธอร์แลนด์และสเปนหวาดหวั่นที่สุดก็คือ Howard Webb ที่จะทำ
หน้าที่เป็นผู้ตัดสินในรอบชิงชนะเลิศนี้ เพราะทั้งสองทีมต่างก็มีเหตุผลให้เชื่อว่า Webb
มีดวงที่ไม่เอื้ออำนวยโชคให้แก่ทีมของตน




ทันทีที่ฟีฟ่าประกาศให้ Webb รับหน้าที่เป็นผู้ตัดสินในเกมนัดสุดท้ายที่สำคัญที่สุด
ของทัวร์นาเมนต์นี้ ความทรงจำเก่าๆ ของคนดัทช์ก็รื้อฟื้นขึ้นมาในทันที เพราะ
เนเธอร์แลนด์พลาดหวังที่จะคว้าแชมป์โลกเป็นครั้งแรกในปี 1974 และหวั่นเกรงว่า
ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกครั้งในปี 2010 ด้วยความเชื่อว่า ดวงของฮอลแลนด์ดู
เหมือนไม่ถูกชะตากับผู้ตัดสินชาวอังกฤษเสียจริง

แต่ฟากของสเปนกลับมีเรื่องมีราวให้หวั่นวิตกมากเสียยิ่งกว่า เพราะหากมองย้อนกลับ
ไปดูเกียรติประวัติย้อนหลังของ Webb โดยส่วนใหญ่แล้ว มีเหตุให้เชื่อว่าจะ "ข่ม" จะ
"ขี่" ดวงชะตาของทีมแห่งคาบสมุทรไอบีเรี่ยน

Add caption

ในเกมเอฟเอคัพนัดชิงชนะเลิศ และเกมคอมมิวนิตี้ชีลด์ในปี 2005 จนถึงเกมนัดชิง
ชนะเลิศแชมป์เปี้ยนลีก 2010 ที่อินเตอร์ มิลานชนะบาเยิร์น มิวนิก

ที่สำคัญที่สุด สเปนลงสนามเป็นนัดแรกของฟุตบอลโลก 2010 พร้อมกับความพ่าย
แพ้อย่างพลิกล๊อกต่อสวิสเซอร์แลนด์ ภายใต้การทำหน้าที่ของ Webb และทีมงาน
และ Webb ก็พิสูจน์ความเชื่อนี้อีกครั้งหนึ่งในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่บราซิลชนะชิลี

ต่อให้เจ้าปลาหมึก Paul ทำนายเสี่ยงทายว่าสเปนจะเป็นแชมป์โลก แต่คนสเปน
หวั่นใจเหลือเกินว่า ดวงของ Webb และสีแดงของเสื้อกรรมการฟีฟ่าจะร้อนแรงและ
ทำลายความหวังที่จะคว้าแชมป์โลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของชาติสเปน
ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก ไม่เคยมีทีมใดที่สามารถคว้าแชมป์โลกได้ ถ้าหาก



เริ่มต้นเกมแรกของทัวร์นาเมนต์ด้วยความพ่ายแพ้


กว่าจะได้แชมป์โลก สเปนต้องฟันฝ่าอาถรรพ์ต่างๆ ไม่น้อยเลย

G8 ในโลกลูกหนัง



    ในเวทีระหว่างประเทศ ชื่อของกลุ่ม G8 คือมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและการเงินของโลก ที่ขยับเมื่อไหร่เศรษฐกิจโลกก็เขยื้อนเมื่อนั้น โดยมีรัสเซียเป็นสมาชิก G8 น้องใหม่เมื่อ 13 ปีก่อน
    เช่นเดียวกัน วงการลูกหนังโลก กำลังจะเกิดกลุ่มG8ขึ้นในวันอาทิตย์นี้ เป็นกลุ่มที่บ่งบอกและแสดงถึงมหาอำนาจความยิ่งใหญ่ทางฟุตบอลอย่างแท้จริง ความยิ่งใหญ่นี้ไม่ได้มาจากเหรียญทองโอลิมปิก แต่ได้จากการพิชิตถ้วยฟุตบอลโลก

ถ้วยแชมป์โลก





ทีมชาติสเปน



ทีมชาติเนเธอร์แลนด์



   ในฟุตบอลโลก 18 ครั้งที่ผ่านมา แชมป์โลกกระจุกตัวอยู่เฉพาะ 7 ประเทศเท่านั้นคือ บราซิล อิตาลี เยอรมนี อุรุกวัย อาร์เจนติน่า อังกฤษและฝรั่งเศส เพราะฉะนั้น ไม่ว่าผู้ชนะจะเป็นใครก็ตามในนัดชิงชนะเลิศครั้งที่ 19 ระหว่างทีมชาติเนเธอร์แลนด์และทีมชาติสเปน  มหาอำนาจหมายเลข 8 ก็จะเกิดขึ้นในวงการฟุตบอลโลกอย่างแน่นอน
    ขอต้อนรับ G8 สู่โลกฟุตบอล ไม่ว่า G8 น้องใหม่นี้จะสีส้มหรือสีแดงก็ตาม
     ผลที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ น้ำหนักของ balance of power ก็จะเปลี่ยนไปอยู่ฟากยุโรป นั่นคือ มหาอำนาจยุโรปเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกรวมกันแล้ว 10ครั้ง มากกว่าฟากมหาอำนาจลาติน
ที่ได้แชมป์รวมกัน  9 ครั้ง
     แต่ที่แน่ๆ ที่ยากจะคาดการณ์ได้ ก็คือ อีกนานแค่ไหนที่โลกลูกหนังต้องรอกว่าจะเกิดกลุ่ม G9

ไม่มีดัทช์เมื่อวันวาน ไม่มีสเปนในวันนี้

    ไม่มีใครตำหนิา Johan Cruyff ว่าเป็นคนสองใจได้ เพราะนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลเนเธอร์แลนด์คนนี้มีสองใจจริงๆ
    ใจหนึ่งนั้น แน่นอนที่สุดฝากรากลึกอยู่ในแผ่นดินที่ต่ำกว่าทะเลอย่างเนเธอร์แลนด์
     อีกใจหนึ่งนั้น ฝังตัวอยู่ในสโมสรยักษ์ใหญ่บาร์เซโลน่าแห่งสเปนเป็นคนพัฒนาวงการฟุตบอลในสเปน ทำให้วันนี้ของบาร์เซโลน่าเป็นเหมือนเช่นวันนี้ของบาร์เซโลน่าจริงๆ
และที่ทีมชาติสเปนมีวันนี้ได้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพราะบาร์เซโลน่ามีวันนี้ก่อน

Johan Cruyff ในฐานะกัปตันทีมชาติเนเธอร์แลนด์

                               




Johan Cruyff ในฐานะกัปตันทีมบาร์เซโลน่า


     ก่อนหน้าที่วงการลูกหนังจะรู้จักปรัชญา Total Football ในช่วงปี 1970 สเปนเป็นเพียงทีมระดับยักษ์ยืนแถวหลังที่ไม่ใครเกรงกลัวมากนัก แชมป์ยุโรปในปี 1964 ก็ถูกตราหน้าว่า ทำได้เพราะเป็นเจ้าำภาพเท่านั้น แถมไม่มีดาวดังระดับโลกให้เป็นที่อิจฉาของชาติอื่นๆ
     จนเมื่อ Rinus Michels นายพลลูกหนังเข้ามาคุมบาร์เซโลน่าและประยุกต์ Total Football ให้เป็นปรัชญาของทีมเมื่อสี่สิบปีก่อน กลายเป็นจุดเริ่มต้นทำให้วงการฟุตบอลสเปนเริ่มต้นเรียนรู้ศิลปศาสตร์ของฟุตบอลและเล่นฟุตบอลด้วยความสวย
งาม

ทีมชาติเนเธอร์แลนด์



ทีมชาติสเปน



    ที่สำคัญที่สุดก็คือบทบาทของ Cruyff ทั้งในฐานะนักเตะและผู้จัดการทีมในเวลาต่อมา ที่ำเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์ของสโมสรบาร์เซโลน่า
    Cruyff กลายเป็นทั้ง "ราก" และ ลิงค์ ที่เชื่อมโยงเนเธอร์แลนด์และบาร์เซโลน่าจนเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน นักฟุตบอลดัทช์คนดังคนแล้วคนเล่าเลือกไปเล่นให้กับบาร์เซโลน่ามากกว่ารีล แมดริด
     ไม่มีเชื่้อดัทช์ก็ยากที่ฟุตบอลสเปนจะเติบโตเหมือนเช่นวันนี้ได้เพราะเป็นแหล่งกำเนิดในความยิ่งใหญ่ของฟุตบอลสเปนสมัยใหม่ เนเธอร์แลนด์คงจะไม่อับจนหนทางที่จะเอาชนะ "นักเรียนเก่า" ได้

เมื่อผู้นำอังกฤษต้องเลือกข้าง

            รองนายกรัฐมนตรีอังกฤษ Nick Clegg ซึ่งเชื่อว่ามีอิทธิพลอำนาจในการเมือง อังกฤษ มากที่สุดในระนาบเดียวกับนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำตัวอย่างที่ผิดแผกแตกต่างจาก ผู้นำและนักการเมืองอังกฤษคนอื่นๆ ค่อนข้างมาก เพราะมีแม่เป็นคนดัทช์และภรรยาเป็นคนสเปน

            การพูดภาษาดัทช์และภาษาสเปนได้อย่างคล่องแคล่ว เป็นผู้นำแบบ multilingual ที่หาได้ยากมากในวงการเมืองอังกฤษ

            จึงเป็นเรื่องที่พิเศษมากๆ สำหรับนักการเมืองอังกฤษหรือแม้กระทั่งคนอังกฤษโดยทั่วไป เพราะคนอังกฤษให้ความสนใจหรือมีความสามารถในการพูดภาษาต่างประเทศอื่นๆ ได้น้อยมาก เมื่อเทียบกับคนยุโรปอื่นๆในภาคพื้นทวีป



                 

เนคไทสีส้มสีดัชท์

     

ถึงแม้จะพูดภาษาต่างประเทศได้ทั้ง "ภาษาแม่" และ "ภาษาเมีย" แต่เมื่อพูดเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2010 นี้ หัวหน้าพรรค Liberal Democrats คนนี้ ไม่สามารถเลือกเชียร์ทั้ง "ทีมแม่" และ "ทีมเมีย" ได้

พร้อมๆ กัน และศรีภรรยาก็รับรู้ดีว่า ในหัวใจของผู้นำอังกฤษหมายเลขสองคนนี้อยากเห็นเนเธอร์แลนด์คว้าแชมป์โลกเป็น สมัยแรก แม้ว่าจะขัดใจภรรยาและลูกชายทั้งสองคนก็ตาม




Nick Clegg กับภรรยาชาวสเปน



เนคไทลายนิวคาสเซิล

          

            ถึงจะมีความคิดเห็นความชอบที่แตกต่างกัน แต่ภายในชายคาเดียวกัน ครอบครัวนี้ยังอบอุ่นอยู่เสมอ

            แล้วที่นายกรัฐมนตรีของไทยเลือกผูกเนกไทลายขาวดำในบางโอกาสและชอบใส่เสื้อ โทนสีฟ้านั้น เป็นเพราะความผูกพันกับทีมนิวคาสเซิลและอาร์เจนติน่าหรือไม่ มีแต่เจ้าตัวที่ให้คำตอบได้



.

40 ก็หนุ่มเกินไป 30 ก็แก่เกินไป



    ผู้นำที่มีอิทธิพลมากที่สุดสองคนในโลกใบนี้ คือประธานาธิบดี Barak Obama
แห่งสหรัฐฯ และนายกรัฐมตรี David Cameron แห่งอังกฤษ กลายเป็นผู้นำ
ที่หนุ่มที่สุดในประวัติศาสตร์ในรอบหลายทศวรรษ
   ในช่วงวัย "40something" ของบุคคลทั้งสองก็อาจจะมีบางคนปรามาสว่า
อายุน้อยเกินไปที่จะเป็นผู้นำของประเทศยักษ์ใหญ่เช่นนี้ เหมือนเช่นกรณีของ
นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ เวชชาชีวะ ที่เคยถูกปรามาสว่า เป็น "มะม่วงบ่มแก๊ส"

วัยเดียวกัน: เดวิด คาเมรอนและบารัค โอบาม่า



อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

      แต่ในวงการฟุตบอล แล้ว อายุช่วง "30 something" ก็ถือว่าแก่เกินแกง
ไปแล้วกระแสเรียกร้องในหลายๆทีมที่ล้มเหลวในฟุตบอลโลก 2010     โดย

เฉพาะอังกฤษและอิตาลี ให้มีการเปลี่ยนแปลงทีมใหม่ โละนักเตะเก่านักเตะแก่
 เพื่อเปิดทางให้นักเตะหนุ่มที่มีพลังความทุ่มเทมากกว่า เพราะเชื่อมั่นในตัวอย่าง
ของทีมเยอรมนีที่เปิดโอกาสให้นักเตะวัยรุ่นมากขึ้น โลกได้เปลี่ยนไปมากแล้ว
จริงๆ
      จริงอยู่ ประสบการณ์เป็นสิ่งที่มีค่าแต่ไม่ได้เป็นสิ่งที่จำเป็นเสมอไป โดย
เฉพะอย่างยิ่ง ประสบการณ์ที่เกิดจากความรู้ผิดๆ หรือประสบการณ์ล้าสมัย

อินโดนิเซียลิงค์

         น่าอิจฉาคนอินโดนิเซียเสียนี่กระไร
         ในขณะที่ภาพยนต์เกี่ยวกับอัตตชีวประวัติในวัยเยาว์ของประธานาธิบดี
บารัก โอบาม่ากำลังฉายให้คนทั่วโลกได้ภูมิใจว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯก็มี
ลิงค์กับอินโดนิเซียด้วย คนอินโดนิเซียก็อาจจะโชคดีมหึมาซ้ำสอง ที่อาจจะ
เห็นคนเชื้อชาติอินโดนิเซียชูถ้วยบอลโลกในวันอาทิตย์นี้ หากว่าเนเธอร์แลนด์คว้าแชมป์โลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

Barak Obama

         

Giovanni van Bronckhorst

        เพราะว่า Giovanni van Bronckhorst กัปตันทีมชาติเนเธอร์แลนด์
 มีเชื้อสายอินโดฯร้อยเปอร์เซ็นต์   
        หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ บางทีเราอาจจะเห็นความสัมพันธ์ทีใกล้ชิดแน่น
แฟ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อนระหว่างเนเธอร์แลนด์กับอินโดนิเซีย มากยิ่งกว่า
กรณีระหว่างเนเธอร์แลนด์และเกาหลีใต้  ภายหลังจากที่โค๊ฃชาวดัตท์นำ
ทีมชาติเกาหลีใต้คว้าอันดับ 4 ในการแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อ 8 ปีก่อน

กัปตันทีมผู้น่ารัก

      โดยปกติแล้ว กัปตันทีมคือนักเตะที่สำคัญที่สุดของทีม โดยไม่จำเป็นว่าต้องเป็น

นักเตะที่ดีหรือเก่งที่สุดในทีม มักจะเป็นนักเตะที่เสียงดัง เป็นปากเป็นเสียง และมี

อิทธิพลในทีมมากที่สุด รอย คีนเป็นตัวอย่างหนึ่งที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้

       ในฟุตบอลโลก 2010 ครั้งนี้ เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่งว่า เยอรมนีและ

เนเธอร์แลนด์เลือกกัปตันทีมด้วยหลักเกณฑ์ไหน

          เริ่มจากเนเธอร์แลนด์ที่สามารถผ่านทะลุเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศได้เป็นครั้ง
แรกในรอบ 32 ปี หากพิจารณาจากนักเตะ 11 คนแรกแล้วไม่มีใครมีคุณสมบัติ
เหมาะสมที่จะเป็นกัปตันทีมชาติได้เท่า Mark van Bommel ซึ่งมีฐานะเป็นกัปตันทีม
บาเยิร์น มิวนิจในเยอรมนีด้วย บวกกับบุคลิกลักษณะที่เป็นผู้นำ อีกทั้งเป็นผู้อาวุโส
ในทีมชาติด้วย
          แต่กลับกลายเป็น Giovanni van Bronckhorst ที่ได้รับปลอกแขนแห่งเกียรติ
ยศนี้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นนักเตะที่สำคัญที่สุดหรือมีอิทธิพลในทีมมากที่สุด ไม่ได้มี
คาแรกเตอร์ของความเป็นผู้นำที่โดดเด่นเลยเมื่อเทียบกับ Mark van Bommel
เว้นแต่เฉพาะคุณสมบัติที่มีอาวุโสสูงสุดในวัย 35 ปี



Mark van Bommel 





Giovanni van Bronckhorst




     เช่นเดียวกับกรณีของทีมชาติยอรมนี ซึ่ง Philipp Lahm ได้รับแต่งตั้งให้
เป็นกัปตันทีมเฉพาะกิจแทนที่ Michael Ballack ที่บาดเจ็บต้องถอนตัวออก
จากการแข่งขันตั้งแต่แรก ทั้ง Ballack และ Bommel ต่างก็มีบุคลิกที่เป็นผู้นำ
โดยธรรมชาติ เรียกว่า Born leader หรือ natural leader
       น่าสนใจว่า ตัว Lahm เองก็ไม่ได้มีคาแรกเตอร์ของความเป็นผู้นำที่โดด
เด่นอะไรเช่นเดียวกับ Bronckhorst และไม่ได้เป็นนักเตะอาวุโสสูงสุดในทีม
ด้วย แต่เป็นผู้เล่นที่ลงสนามสม่ำเสมอมากที่สุดในการแข่งขันรอบคัดเลือกทั้ง
10นัด
  





Michael Ballack 



Philipp Lahm 



เมื่อร่วมทำศึกบนสนาม  Michael Ballack 
จะมีความเป็นผู้นำมากกว่า  Philipp Lahm 



       หรือว่า เมื่อไม่มีนักเตะ "ผู้นำ" ตัวจริงอยู่ในทีม หรือไม่ได้ทำหน้าที่
เป็นผู้นำตัวจริง (ที่บางครั้งมักเป็นตัวปัญหาเสียเอง) กลายเป็นเงื่อนไขให้
ทั้งทีมขยับเขยื้อนได้มากขึ้นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทีมเนเธอร์แลนด์และ
เยอรมนีแตกต่างและดีขึ้นกว่าเดิม เรียกว่า ประสบความสำเร็จเกินคาดหมาย

คนเดียวเจ๋ง สองคนพัง

.


ตลอดช่วงระยะเวลาเกือบสี่ปีที่เล่นร่วมทีมชาติสเปน Fernando Torres และ David Villa ได้รับการยกย่องว่าเป็นคู่ศูนย์หน้าทีดีที่สุดหรืออันตรายที่สุดในสมรภูมิลูกหนังระหว่างประเทศ นั่นหมายถึงว่า ทั้งคู่เล่นได้เข้าขาเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทั้งคู่มีจุดแข็งจุดอ่อนที่เกื้อกูลหรือชดเชยระหว่างกัน





ดีใจร่วมกัน

   



เหนื่อยร่วมกัน

 


ปลอบใจซึ่งกันและกัน

 

แต่ข้อเท็จจริงที่สุดที่น่าเศร้าที่สุดก็คือว่า ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้เป็นเกาเหลากัน แต่ทีมสเปนจะอันตรายที่สุดเมื่อมีคนใดคนหนึ่งเล่นในสนามเพียงคนเดียว ในบอลยุโรปปี 2008 Villa กลายเป็นดาวซัลโวสูงสุด และสามารถทำแฮทริกในเกมที่พบกับรัสเซียโดยมี Torres นั่งอยู่ข้างสนาม ในช่วงฟุตบอลโลก 2010 นี้ Villa ยิงไปแล้ว 5 ประตูและมักจะเป็นการยิงประตูในช่วงที่ไม่มี Torres อยู่ในสนาม

ในส่วนของ Torres เอง ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถเล่นได้โดดเด่นมากบนลำแข้งของตัวเอง เมื่อย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูลและเป็นผู้ยิงประตูชัยในนัดที่สเปนชนะเยอรมนีคว้าแชมป์ยุโรปเมื่อปี 2008 เพราะ Villa บาดเจ็บไม่สามารถลงสนามได้ และมักจะยิงประตูไม่ได้เมื่อเล่นเป็นศูนย์หน้าคู่กับ Villa นั่นแปลว่า ต้องมีความผิดปกติอะไรบางอย่างที่ทำให้ศูนย์หน้าที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในโลกทั้งสองคน ไม่สามารถเจลประสานสร้างพลังร่วมกันได้ และหากสเปนหวังจะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ก็ต้องมีการเตรียมเก้าอี้ให้คนใดคนหนึ่งนั่งขอบสนาม และเชื่อว่า Torres คือผู้เสียสละคนนั้น

แต่ใครจะไปรู้ได้ว่า Torres อาจจะได้ลงสนามในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งแล้วยิงประตูชัยให้สเปนเหมือนเมื่อนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยุโรปเมื่อสองปีก่อน

.