จุดเปลี่ยนที่ราม

ย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อพฤษภาทมิฬปี35  ในช่วงเวลาที่บ้านเมืองถึงขั้นวิกฤติสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดสงครามการเมืองระหว่างทหารสองกลุ่มสองรุ่นอยู่ทุกขณะ

ณ เวลานั้นรัฐบาลพลเอกสุจินดา คราประยูรอยู่ในฐานะได้เปรียบหลังจากปราบปราม

กลุ่มผู้ต่อต้านและจับกุมพลตรีจำลอง ศรีเมืองในฐานะแกนนำของผู้ชุมนุม

ผู้ชุมนุมกลุ่มนักศึกษาหนีจากราชดำเนินไปตั้งหลักที่รามคำแหงเพื่อต่อต้านรัฐบาลต่อไป 

พฤษภาทมิฬ 2535

ฝูงชนบนถนนราชดำเนินต่อต้านรัฐบาลสุจินดา คราประยูร

พฤษภาทมพฬในสายตาโลก

ว่ากันว่า บรรยากาศตั้งแต่คืนวันทีุ่ 18 พฤษภาน่ากลัวที่สุดเหมือนเหตุการณ์เช่นวิกฤติของคืนวันนี้ ในคืนวันนั้น ทุกคนรับรู้ถึงอันตรายจากการถูกปราบปรามอย่างน่าขนลุกสพรึงกลัว.....แต่ต้องสู้

กลยุทธ์ของการต่อสู้กับกำลังทหารก็คือการปรับแปลงบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงให้เตรียมพร้อมรอรับกับอันตรายที่จะเกิดขึ้น มีการโยกย้ายวัตถุสิ่งของมีน้ำหนักมากองไว้ตามท้องถนน แผงกั้นที่เกาะกลางถนนทุกดัดมาขวางทางถนนและที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดก็คือการนำเอาถังแก๊สมาวางเรียงรายเป็นอาวุธเด็ดเตรียมรับเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น

เป็นเดชะบุญของประเทศที่เหตุการณ์ไม่เลวร้ายมากไปกว่านี้อีกแล้ว ว่ากันว่า  การรวมตัวต่อสู้ของนักศึกษาที่รามคำแหงที่เป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลสุจินดา กลายเป็นจุดเปลี่ยนของเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

เพราะหลังจากนั้น เหตุการณ์พฤษภาทมิฬก็ยุติลงอย่างชนิดที่นักวิชา การต่างประเทศงงงวยสงสัยไร้คำอธิบายว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร

นักศึกษารามคำแหงรวมตัวต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ในวันที่รามคำแหงเริ่มกลายเป็นสมรภูมิของความขัดแย้งที่รุนแรง

ในวันที่นักศึกษารามหนีตายปี 56

 

21 ปีผ่านไป หรือว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกครั้งที่รามคำแหง

.