ย้อนหลังไปร่วมๆ 30 กว่าปีก่อน
เมื่อตอนเด็กๆเท่าที่จำความได้
วันหนึ่งรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษเมื่อได้ทราบข่าวว่า ในหลวงจะเสด็จผ่านโดยทางรถไฟมุ่งสู่สุดชายแดนด้ามขวานทอง
.
.
แม้รู้ว่า รถไฟขบวนนี้จะไม่ได้จอดที่สถานีที่เรียกว่าบ้านนอกแห่งหนึ่ง
แต่ก็เป็นเด็กคนหนึ่งในหมู่คนจำนวนมากที่ไปเฝ้ารอเพื่อชื่นชมพระบารมี
.
.
เป็นความรู้สึกบริสุทธิ์ของเด็กคนหนึ่งที่เพิ่งเริ่มต้นอ่านหนังสือกอไก่ถึงฮอนกฮูกไปตามเรื่อง
ยังไม่เข้าใจว่า พระบารมีนั้นหมายถึงอะไร
และทั้งๆที่ทราบดีว่า รถไฟขบวนนี้จะไม่จอดและไม่มีโอกาสได้เห็นพระองค์ท่าน แต่ความรู้สึกตอนนั้นเพียงแค่อยากเห็นในหลวง
.
รถไฟวิ่งผ่านสถานีด้วยความเร็วสูง แต่ละคนที่เฝ้ารอรับเสด็จต่างก็คาดเดากันไปว่า ในหลวงจะทรงประทับอยู่ในโบกี้ไหน
รถไฟวิ่งผ่านสถานีด้วยความเร็วสูง แต่ละคนที่เฝ้ารอรับเสด็จต่างก็คาดเดากันไปว่า ในหลวงจะทรงประทับอยู่ในโบกี้ไหน
.
ในตอนนั้นและในเวลาต่อๆมา เกิดความสงสัยว่า ทำไม ในหลวง ต้องลำบากลำบนเสด็จไปเหนือไปใต้ จากเชียงรายจรดนราธิวาส เสด็จไปตะวันเฉียงเหนือไปตะวันตก จากอุบลราชธานีจนถึงกาญจนบุรี ไปทุกๆที่ของแผ่นดินไทย จนอาจเรียกได้ว่า พระองค์ท่านเป็นคนไทยที่เดินทางในประเทศรวมเป็นระยะทางมากที่สุดก็ว่าได้
ในตอนนั้นและในเวลาต่อๆมา เกิดความสงสัยว่า ทำไม ในหลวง ต้องลำบากลำบนเสด็จไปเหนือไปใต้ จากเชียงรายจรดนราธิวาส เสด็จไปตะวันเฉียงเหนือไปตะวันตก จากอุบลราชธานีจนถึงกาญจนบุรี ไปทุกๆที่ของแผ่นดินไทย จนอาจเรียกได้ว่า พระองค์ท่านเป็นคนไทยที่เดินทางในประเทศรวมเป็นระยะทางมากที่สุดก็ว่าได้
.
คำตอบสั้นๆ เพราะ ในหลวง รักประชาชน
เพราะพระองค์ทรงห่วงใยความทุกข์ยากของประชาชนเป็นความรู้สึกจริงๆของพระองค์ท่านที่คนไทยประจักษ์แจ้ง
.
ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว ในหลวงจะไม่สามารถเสด็จเยี่ยมราษฏรได้ครบทั่วทุกตำบล
แต่พื้นที่ไทยทุกตารางนิ้วก็รู้สึกและรับรู้ถึงพระบารมีของพระองค์ท่านอย่างทั่วถึง
.
.
เป็นพระบารมีจริงแท้ที่สุดที่เกิดจากความรักความห่วงใยที่พระองค์ท่านทรงทุ่มเทให้กับราษฏรไทยมาตลอดกว่า
60 ปี
.
ในช่วงที่ประเทศประสบกับความแตกแยกทางการเมืองอย่างหนักหนานับตั้งแต่ปี2549เป็นต้นมา อย่างน้อยที่สุด คนไทยเราโชคดีมากๆที่ได้เห็นภาพพระราชกรณียกิจของพระองค์ที่น่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
หลายๆภาพเป็นภาพที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
เป็นภาพแห่งพระราชกรณียกิจที่เป็นบ่อเกิดของพระบารมีอย่างแท้จริง
และทำให้คนไทยได้ประจักษ์แจ้งว่า พระองค์ท่าน คือ “ผู้ปิดทองหลังพระ”
ของคนไทยทั้งประเทศจริงๆตลอดระยะกว่าห้าทศวรรษ
.
ถ้าหากเราคนไทยไม่มีในหลวง
บางทีประเทศไทยในวันนี้อาจจะไม่ใช่หรือเป็นเหมือนเช่นวันนี้จริงๆที่เราเห็นก็เป็นได้
.
.
ภาพหลายต่อหลายภาพ ทำให้คนไทยได้ประจักษ์แจ้งประจักษ์จริงว่า
ถึงแม้ว่า จะเป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน แต่พระองค์ท่านกลับไม่ได้ทรงถือพระองค์แต่ประการใด
บ่อยครั้งที่ในหลวงทรงน้อมพระวรกายเพื่อรับฟังเสียงของประชาชนด้วยพระองค์เอง
บางครั้งพระองค์ท่านทรงประทับนั่งราบกับพื้นโดยไม่ถือพระองค์เพื่อประทินธรรมให้ทวยราษฏร
ภาพแห่งความประทับใจที่สุด |
พระหัตถ์ของพระองค์ท่านคือความอบอุ่นคือความปลื้มปิติเป็นที่สุด |
ความสุขความปิติของราษฏรที่ได้สัมผัสพระหัตถ์ของในหลวง |
ภาพแห่งความประทับใจ - "พระเทพ" ทรงน้อม พระวรกายยื่นปริญญาบัตรให้แก่บัณฑิตผู้พิการ |
ครั้งหนึ่ง คุณภิญโญ ไตรสุริยธรรมาเคยเขียนบทความเรื่อง “คำพยากรณ์จากกษัตริย์ถึงกษัตริย์” ตี
พิมพ์ในมติชนสุดสัปดาห์ (ฉบับ 2 ธันวาคม 2554) ความตอนหนึ่งว่า......
.
“สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีญี่ปุ่นเมื่อเสด็จไปเยี่ยมเยียนราษฎรที่ประสบ
ภัยพิบัติหลังเหตุการณ์สึนามิ
ทั้งสองพระองค์น้อมพระวรกายลงไปรับฟังปัญหาของประชาชนของพระองค์อย่างใกล้ชิดจนระดับของพระเศียรต่ำกว่าประชาชนที่นั่งอยู่เสียด้วยซ้ำ”
.
คุณภิญโญอาจจะมองข้ามข้อเท็จจริงสองประการ
.
หนึ่ง การโค้งคำนับเป็นวัฒนธรรมหนึ่งที่ฝังรากลึกในสังคมญี่ปุ่น
และคนญี่ปุ่นทุกชนชั้นทุกผู้คนต่างยึดถือปฏิบัติไม่เว้นแม้แต่สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินี
ดังนั้น การที่ทั้งสองพระองค์ทรงโค้งคำนับในระดับ 30 องศาเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้สูญเสียชีวิตอันเนื่องมาจากภัยพิบัติสึนามิ
จึงเป็นเรื่องปกติและสมควรเป็นอย่างยิ่ง
.
นอกจากนี้
การที่พระองค์เยี่ยมเยียนชาวญี่ปุ่นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือผลกระทบจากสึนามิมีเจตนาเพื่อแสดงความเสียใจ
ปลอบใจและให้กำลังใจแก่พสกนิกรชาวญี่ปุ่นในฐานะประมุขของประเทศ
มากกว่าเพื่อรับฟังปัญหาของประชาชน
.
สอง
การกล่าวว่าสมเด็จพระจักรพรรดิ์ทรงน้อมพระวรกายจนระดับของพระเศียรต่ำกว่าศีรษะของประชาชนที่นั่งอยู่แล้วตีความว่า พระองค์กำลังหรือเจตนา “ลดระดับ”
ให้เสมอเท่าประชาชนนั้นย่อมไม่ถูกต้อง
.
เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้ว
สมเด็จพระจักรพรรดิ์ทรงมีพระวรกายที่ค่อนข้างผอมเล็ก พระองค์ทรงมีความสูงประมาณ 160-162
เซ็นติเมตร
การที่พระองค์น้อมพระวรกายให้พระเศียรต่ำกว่าศีรษะของประชาชนที่นั่งเฝ้า น่าจะเป็นความสามารถทางกายภาพ
มากกว่า เจตนารมณ์ทางสัญญลักษณ์ ใดๆ
.
หรืออีกนัยหนึ่ง เป็นการไม่ถูกต้องที่จะตีความว่า
ระดับของการน้อมพระวรกายมีความสัมพันธ์หรือนัยยะใดๆต่อระดับการ “รับฟัง” เสียงประชาชน
ภาพแห่งความประทับใจ - สมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น ทรงนั่งคุกเข่าสอบถามผู้ประสบภัยสินามิ |
การโน้มพระวรกายอย่างไม่ถือพระองค์ของ สมเด็จพระจักรพรรดิ์และสมเด็จพระจักรพรรดินี |
ด้วยความสูงที่ต่างกันเกือบ 20 ซม. ประธานาธิบบารัก โอบาม่า ได้โค้งคำนับให้สมเด็จพระจักรพรรดิ์อย่างน้อมนอบที่สุด |
เพราะฉะนั้น
การที่ระบุว่าสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นทรงน้อมพระวรกายจนระดับของพระเศียรต่ำกว่าประชาชนที่นั่งอยู่นั้น
ก็ไม่สามารถตีความทันทีได้ว่า พระองค์ “รับฟังปัญหาของประชาชนของพระองค์อย่างใกล้ชิด” (มากกว่า)
เมื่อเทียบกับการที่พระองค์น้อมพระวรกายในระดับหนึ่งที่พระเศียรสูงกว่าศีรษะของประชาชน
ซึ่งเป็นภาพของความเป็นจริง(ที่สุด)ที่ปรากฏเผยแพร่ไปทั่ว
.
ในความเป็นจริงยิ่งไปกว่านั้น
หากว่าสมเด็จพระจักรพรรดิ์มีความสูงร่วม 180 เซ็นติเมตรเหมือนเช่นอดีตประธานาธิบดีชาลล์
เดอโกลล์ของฝรั่งเศส อดีตนายกรัฐมนตรีโก๊ะโจ๊ะตงของสิงคโปร์
หรือประธานาธิบดีบารัค โอบาม่าแห่งสหรัฐฯ พระองค์คงจะไม่สามารถน้อมพระวรกายจนระดับของพระเศียรต่ำกว่าศีรษะของประชาชนที่นั่งอยู่อย่างแน่นอน
ชาร์ลส เดอโกลล์ อดีตผู้นำฝรั่งเศส
โก๊ะโต๊ะจง อดีตผู้นำสิงคโปร์ในวันที่พบกับ
อดีตนายกรัฐมนตรีจีน เหวินเจียเป่า
สำหรับคนไทยแล้ว
การได้เห็นภาพในหลวง
ทรงน้อมพระวรกายจนพระเศียรใกล้จนถึงระดับเดียวกับศีรษะของราษฏรที่นั่งเข้าเฝ้า และได้เห็นภาพที่พระองค์ทรงประทับนั่งราบกับพื้นทั้ง “รับฟัง” และ
“ชี้แนะ” ราษฏร เป็นภาพที่น่าประทับใจเป็นที่สุดจนยากเกินจะบรรยาย เป็นภาพที่สะท้อนให้พระบารมี “ปกเกล้าปกกระหม่อม” ที่มีพลังอย่างแท้จริง เป็นพลังที่งดงามเป็นที่สุด
ภาพแห่งความประทับใจเป็นที่สุด -ในหลวงและ "พระเทพ" ทรงประทับนั่งราบกับพื้นโดยไม่ถือพระองค์ |
ภาพแห่งความประทับในที่สุด - ในหลวงทรงประทับ นั่งราบกับพื้นทรงงานโดยไม่ถือพระองค์ |
ภาพแห่งความประทับใจเป็นที่สุด -ในหลวงและ "พระเทพ" ทรงประทับนั่งราบกับพื้นโดยไม่ถือพระองค์และไม่ห่่วง พระวรกายทั้งที่มีฝนตกหนัก เพื่อทรงงานเพื่อราษฏร |
หากอุปมาแล้ว พระบารมีของในหลวง
เป็นเหมือนออกซิเจนที่(อาจ)มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแต่มีคุณค่ามหาศาล เพราะเราหายใจด้วยออกซิเจนอยู่ทุกเมื่อเชื่อนาทีเพื่อการดำรงอยู่ของชีวิตจนเป็นความเคยชินและลืมนึกถึงบุญคุณของออกซิเจนไปโดยปริยาย
ตราบจนกระทั่งเมื่อเราขาดออกซิเจนถึงขั้นความเป็นความตาย
เมื่อนั้นเราจึงถามหาออกซิเจนและและสำนึกในคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง
.
ชีวิตมนุษย์เราจะขาดออกซิเจนไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกัน
โดยธรรมชาติแล้ว ออกซิเจนก็ไม่มีคุณสมบัติเป็นพิษเป็นภัยอะไรต่อชีวิตหนึ่ง
ภาพแห่งความประทับใจ - แม้กระทั่งเด็กน้อยก็ให้ความ เคารพในพระบารมีของสมเด็จสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ แห่งสหราชอาณาจักรอย่างนอบน้อมที่สุด |
โค้งคำนับนี้เพื่อพระองค์ |
ภาพแห่งความประทับใจที่สุด - เด็กน้อยก้ม ลงกราบในหลวงอย่งนอบน้อมที่สุด |
ภาพแห่งความประทับใจที่สุด - เด็กน้อยไหว้ทำความ เคารพพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง อย่างน้อมนอบเป็นธรรมชาติที่สุด |
ภาพแห่งความประทับใจที่สุด - เด็กน้อยบรรจง ก้มลงกราบในหลวงอย่างน้อมนอบที่สุด |
ภาพแห่งความประทับใจที่สุด - เด็กน้อยไหว้ทำความเคารพ พระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงอย่างตั้งใจ |
ถึงที่สุดแล้ว ตลอดช่วงระยะเวลา 60
ปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์และสะท้อนให้เห็นว่า ในหลวงไม่เคยสร้างความทุกข์ความเดือดร้อนให้แก่ทวยราษฏร์เลย
มีแต่บำบัดทุกข์บำรุงสุข
คุณประโยชน์อย่างเหลืออนันต์ที่พระองค์ท่านมีต่อคนไทยและแผ่นดินไทยสะท้อนให้เห็นผ่านทางพระกรณียกิจและพระบารมีของพระองค์ท่านอย่างชัดเจน
ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น