13 ตุลาคม 2558

วิกฤติฟีฟ่า : วิกฤติผู้นำ

'


สั่นสะเทือนไปทั้งวงการโลกลูกหนัง เมื่อสองผู้นำแห่งวงการฟุตบอลโลกอย่างเซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือ FIFA และ มิเชล พลาตินี่ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลแห่งสหภาพยุโรป (UEFA) ควบตำแหน่งรองประธาน FIFA ซึ่งเป็นสองผู้นำที่มีอำนาจอิทธิพลในโลกลูกหนังมากที่สุดถูกคำสั่งแบนจากคณะกรรมการว่าด้วยจริยธรรมแห่ง FIFA  มีคำสั่งห้ามยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเกมฟุตบอลทุกประเภทไมว่าจะในฐานะหรือในนามองค์หรือตำแหน่งเป็นเวลา 90 วัน 

สองผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการโลกลูกหนัง

เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นหลังจากที่ทางการสวิสเซอร์แลนด์(ในฐานะเป็นประเทศที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ FIFA และ UEFA) รับลูกต่อจากทางการสหรัฐฯในการดำเนินการสอบสวนสวบสวนการทุตจิตคอรัปชั่นภายในองค์กร FIFA จนนำไปสู่การจับกุมผู้บริหารระดับสูง 7 คนนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา
จากการสืบไปสืบมา ทางการสวิสพบว่า มีเงื่อนงำของเงินจำนวน 2 ล้านฟรังค์สวิส (ประมาณ 70 ล้านบาท) ที่เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับเซปป์ แบล็ตเตอร์และมิเชล พลาตินี่โดยตรง โดยเฉพาะแล้ว การติดค้างเงินและจ่ายคืนในภายหลังไม่น่าจะเป็นปัญหาใดๆ หากไม่ใช่เป็นเพราะทางการสวิสที่ส่งเรื่องต่อให้คณะกรรมการจริยธรรมของFIFA พบความผิดปกติบางประการที่อาจถึงขั้นเป็นความผิดอาญา


ในวันที่มิเชล พลาตินี่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของเซปป์ แบล็ตเตอร์

            มิเชล พลาตินี่เคยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิคให้แก่เซปป์ แบล็ตเตอร์ในช่วงระหว่างปี 1999-2002 (ซึ่งแบล็ตเตอร์เพิ่งได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธาน FIFA เป็นสมัยแรกในปี 1998)  ในฐานะที่พลาตินี่เป็นคนดังที่มีบารมีแห่งวงการฟุตบอลโลก ทั้งในฐานะอดีตกัปตันทีมชาติฝรั่งเศสที่เก่งกาจจนถึงขั้นได้รับยกย่องให้เป็น “นโปเลียนลูกหนัง” และในฐานะประธาน(ร่วม)จัดงานฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ

8 มิถุนายน 1998 คือเริ่มต้นของยุคแบล็ตเตอร์

ตลอดช่วงระยะเวลา 3 ปีครึ่งที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้บอสใหญ่ของ FIFA มิเชล พลาตินี่ได้รับเงินค่าจ้างตามสัญญาปีละ 3 แสนฟรังค์สวิส (ประมาณ 10 ล้านบาท) ซึ่งไม่ใช่ตัวเงินที่เป็นปัญหา  แต่ที่เป็นปัญหาจนนำมาสู่คำสั่งแบน ก็คือเงินจำนวนเกือบ 2 ล้านสวิสฟรังค์ที่แบล็ตเตอร์สั่งจ่ายภายหลังให้พลาตินี่ในปี 2011
มิเชล พลาตินี่อ้างว่าเงินจำนวน 2 ล้านฟรังค์สวิสที่ได้รับนี้เป็นเงินค่าจ้างที่(เซปป์ แบล็ตเตอร์ซึ่งจริงๆแล้วก็คือ FIFA) ค้างจ่ายมานานตั้งแต่ปี 2002 (เนื่องจากในเวลานั้น FIFA ประสบปัญหาด้านการเงิน ไม่มีเงินจ่าย) โดยมีข้อตกลง “สัญญาลูกผู้ชาย” เป็นการส่วนตัวกับแบล็ตเตอร์ว่าจะได้รับเงินค่าจ้างเพิ่มอีกปีละ 5 แสนฟรังค์สวิส (นอกเหนือจากจำนวน 3 แสนฟรังค์สวิสที่ได้รับตามปกติ) แต่ทั้งพลาตินีและแบล็ตเตอร์ไม่มีเอกสารยืนยันใดๆว่าเงินจำนวนนี้เป็นเงินค่าจ้างจากการทำหน้าที่ technical advisor เนื่องจากเป็นดีลหรือข้อตกลงทางวาจาระหว่างสองผู้นำแห่งวงการฟุตบอลโลก (ที่ไม่มีบุคคลที่สามเกี่ยวข้องหรือรับรู้) นั่นคือไม่ได้เป็นจำนวนเงินที่ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรอยู่สัญญาว่าจ้าง
ตามกฎหมายของสวิสเซอร์แลนด์แล้ว ลูกจ้างสามารถฟ้องร้องนายจ้างเรียกเงินค่าจ้างหรือเงินค้างจ่ายภายในระยะเวลาห้าปี  พ้นจากนี้แล้ว ความเป็นหนี้เป็นสินจะหมดไปตามกฎหมาย  การที่มิเชล พลาตินี่ไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมาย น่าจะเป็นเพราะเหตุผลอย่างน้อยสองประการ
หนึ่ง หากจะฟ้องศาล  พลาตินีจะต้องดำเนินการภายในปี 2007 เมื่อปล่อยให้เวลาล่วงเลยผ่านไปเกินอายุความ  พลาตินีจึงไม่สามารถฟ้องร้องใดๆได้อีก อีกทั้งเชื่อว่าพลาตินี่คงหลีกเลี่ยงทางเลือกนี้เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งกับผู้ยิ่งใหญ่ของ FIFA
ทั้งนี้ อาจเป็นไปได้ว่า เพราะมีเป้าหมายใหญ่ที่จะลงชิงชัยตำแหน่งประธานสหพันธ์แห่งยุโรป ในปี 2007 พลาตินี่จึงจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงหรือทวงเงินเพราะต้องการพลังสนับสนุนจากแบล็ตเตอร์ในการแข่งขันกับเลนนาร์ด โจฮาดสัน ผู้ยึดครองตำแหน่งประธานมายาวนานกว่า 17 ปี

ก้าวแรก : ใน;yนที่มิเชง พลาตินี่ได้รับเลือกให้เป็นประธานสหพันธ์ฟุตบอลแห่งยุโรปในปี 2007

สอง เพราะเป็นข้อตกลงทางวาจาที่ไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร จึงทำให้มิเชล พลาตินี่ไม่สามารถดำเนินการใดๆทางกฏหมายได้เลย  
เพราะข้อจำกัดทางกฎหมายดังกล่าว มิเชล พลาตินีจึงไม่มีทางเลือกอื่นมากนัก นอกจากคาดหวังว่า เซปป์ แบล็ตเตอร์จะรักษาคำพูดลูกผู้ชาย  ไม่มีใครรู้ว่า พลาตินีได้พูดถึงและทวงถามเงินจำนวนนี้กับแบล็ตเตอร์หรือไม่และเมื่อไหร่   แต่ครั้งล่าสุดที่มีการพูดถึงเงินค้างจ่ายระหว่างผู้นำสองคนนี้คาดว่าเกิดขึ้นในปี 2010
เพราะไม่มีใครรู้เรื่องรู้รายละเอียดหนี้สินค้างจ่ายจำนวน 2 ล้านฟรังค์สวิส และด้วยข้อได้เปรียบทางกฏหมายตามที่ได้กล่าวข้างต้น  เซปป์ แบล็ตเตอร์สามารถบิดพริ้วไม่จ่ายเงินจำนวนนี้ก็ได้หากคิดจะเบี้ยวจริงๆ และนับจนถึงจุดนี้ อาจกล่าวได้ว่า ทั้งแบล็ตเตอร์และพลาตินี่ไม่ได้ทำผิดกฏหมายใดๆ นั่นคือเงินจำนวน 2 ล้าน ฟรังค์สวิสนี้จะไม่กลายเป็น “ระเบิด” ที่ทำลายล้างทั้งสองคนอย่างที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันนี้ ถ้าหากว่าไม่มีการจ่ายเงินจำนวนนี้ในปี 2011 จนเรื่องแดงฉาวโฉ่ขึ้นมา 


เพราะเงิน

ในการสอบสวนสืบสวนของทางการสวิสที่ทำงานประสานร่วมกับทางการสหรัฐฯในการจัดการปัญหาการคอรัปชั่นในวงการฟุตบอลทั่วโลก มีเป้าหมายหลักอยู่ที่เซปป์ แบล็ตเตอร์ในฐานะบอสใหญ่หมายเลขหนึ่งของ FIFA
แต่เมื่อเงินจำนวน 2 ล้านฟรังค์สวิสถูกจ่ายให้มิเชล พลาตินี่ จึงทำให้พลาตินี่ต้องติดบ่วงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้จะมีฐานะเป็นเพียง “ผู้ให้ข้อมูล” ตามกฎหมายสวิส (แตกต่างจากจากแบล็ตเตอร์ที่ตกอยู่ในฐานะ “ผู้ตกสงสัย” ที่อาจจะกลายเป็น “ผู้ต้องหา” ได้หากมีหลักฐานพิสูจน์ได้แน่นอน)
สิ่งที่สำคัญมากๆที่สร้างความยุ่งยากให้กับมิเชล พลาตินีร่วมทั้งเซปป์ แบล็ตเตอร์ก็คือเงื่อนไขเวลาที่มีการอนุมัติจ่ายเงินในเดือนกุมภาพันธ์ 2011 จนเป็นเงื่อนงำชวนน่าสงสัยและมีมูลเหตุให้เชื่อว่าสัมพันธ์โยงใยกับการเลือกตั้งประธาน FIFA ที่มีกำหนดในอีกสามเดือนข้างหน้า และเกี่ยวเนื่องกับการประชุม FIFA สองเดือนก่อนหน้านั้น (ธันวาคม 2010) ซึ่งมีวาระสำคัญเพื่อเลือกเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2018 และปี 2022
โดยหลักการแล้ว ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆของ FIFA ที่จะห้ามความทะเยอทะยานหรือความตั้งใจของใครสักคนหนึ่งตราบเท่าที่ไม่เคยกระทำผิดใดๆ มิเชล พลาตินี่ก็ไม่ได้อยู่เกณฑ์ยกเว้นนี้ หลังจากได้รับเลือกให้เป็นประธานของสหพันธ์ฟุตบอลแห่งยุโรปในปี 2007 แล้ว พลาตินีย่อมมีความฝันว่าสักวันหนึ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของ FIFA ซึ่งเป็นองค์กรที่บริหารเกมกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
ก่อนหน้าจะถึงวันเลือกตั้งประธาน FIFA ซึ่งกำหนดลงคะแนนเสียงในวันที่ 1 มิถุนายน 2011  มิเชล พลาตินี่ได้รับแรงสนับสนุนและเสียงเรียกร้องให้ขึ้นสมัครท้าชิงตำแหน่งแข่งกับเซปป์ แบล็ตเตอร์ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ลงสมัคร ด้วยเหตุผลสองประการ 

ในวันที่ได้รับเลือกให้เป็นประธานสหพันธ์ฟุตบอลแห่งยุโรปเป็นสมัยที่ 2
 
ความเป็นประธานสหพันธ์ฟุตบอลแห่งยุโรปที่กุม 53 เสียงย่อมทำให้มิเชล พลาตินี่เนื้อหอม

ประการแรก มิเชล พลาตินี่เพิ่งได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานสหพันธ์ฟุตบอลแห่งยุโรปเป็นสมัยที่ 2 เมื่อเดือนมีนาคม 2011 แบบไร้คู่แข่งจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งรีบลงสมัครตำแหน่งประธาน FIFA
ประการที่สอง ในการคิดคำนวณของมิเชล พลาติมี่ ถือว่า “อดเปรียวไว้กินหวาน” น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะการรอในปี 2015 ก็ไม่ได้เป็นเรื่องสายเกินไปเลยสำหรับวัย 60 ปีเมื่อถึงวันนั้น เนื่องจากมั่นใจว่า เซปป์ แบล็ตเตอร์จะวางมืออย่างแน่นอน การสนับสนุนแบล็ตเตอร์ในปี 2011 จะเป็นหลักประกันที่ดีที่สุดสำหรับพลาตินี่ที่จะสืบทอดตำแหน่งในปี 2015  ดีกว่าสนับสนุนมูฮัมเหม็ด บินฮัมมัน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชียจากกาตาร์ เพราะหากสนับสนุนผุ้ท้าชิงจากเอเซียคนนี้ให้ได้รับเลือกตั้งเป็นประธาน FIFA ในปี 2011 แล้วก็คาดหมายว่าน่าจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีกหลายปีหลายสมัย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็จะทำให้โอกาสของพลาตินี่หดหายไปเลยจนถึงขั้นหมดโอกาส

คู่ศึกคู่ชิงตำแหน่งประธาน FIFA 2011


            ภายใต้ทฤษฏีสมคบคิด เชื่อกันว่า ณ เวลานั้น มีการพูดคุยเจรจากันระหว่างสองผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการฟุตบอลโลก ในสองประเด็น ดังนี้
ดีลหนึ่ง ถ้าหากได้รับการรับสนับสนุนจากมิเชล พลาติมี่ให้ชนะเลือกตั้งในปี 2011 เซปป์  แบล็ตเตอร์ก็จะตอบแทนด้วยการสนับสนุนพลาตินีให้เป็นประธานฟีฟ่าในปี 2015 ซึ่งแบล็ตเตอร์ได้ประกาศชัดเจนให้เป็นที่ประจักษ์ว่า หากชนะเลือกตั้งในปี 2011 ก็จะวางมือในอีก 4 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน เพื่อเป็นหลักประกันและเปิดทางให้กับพลาตินี่ต่อไป

พลาตินี่แสดงความยินดีหลังแบล็ตเตอร์ได้รับชัยเป็นประธานฟีฟ่าสมัยที่ 4

ดีลสอง เซปป์ แบล็ตเตอร์จะเคลียร์และคืนเงินแก่มิเชล พลาตินี่ที่ติดค้างมานานกว่า 9 ปี   ประเด็นนี้กลายเป็นปัญหาสั่นสะเทือนพลาตินีมากๆ เนื่องจากการจ่ายเงินเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสามเดือนก่อนถึงวันโหวตเลือกตั้ง จึงเป็นเรื่องยากที่จะป้องกันหรือปิดกั้นข้อครหาใดๆได้ เพราะการจ่ายเงินที่ติดค้างมานานกว่า 9 ปีในช่วงเวลาประจวบเหมาะใกล้วันเลือกตั้งนั้น ย่อมถูกตีความได้ว่า เป็นเสมือนเงินอามิสสินจ้างหรือเงินจูงใจเพื่อแลกกับสนับสนุนสำหรับการเลือกตั้งประธาน FIFA  

ชะตากรรมชีวิตที่ดูเหมือนแขวนบนเส้นด้าย

ถึงแม้ว่าความผิดของมิเชล พลาตินีในทางกฏหมายแล้วอาจจะดู "เบา" หรือ "อ่อน" กว่าเซปป์ แบล็ตเตอร์ แต่ชื่อเสียงเครดิตของพลาตินี่ก็เสียหายไปไม่น้อยจนยากจะซ่อมแซมให้เหมือนเดิมได้
ด้วยเหตุนี้เอง สถานการณ์ของมิเชล พลาตินี่ อดีตนักเตะหมายเลขหนึ่งของโลก จึงตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงมากๆ และมีโอกาสความเป็นไปได้ในระดับสูงที่จะพลาดโอกาสในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธาน FIFA ซึ่งกำหนดวันเลือกตั้งในปลายเดือนกุมภาพันธ์ ศกหน้า  

ชีวิตมันสวยงามเพราะไม่รู้จะเกิดอะไรในวันพรุ่ง?

เว้นเสียแต่ว่า จะสามารถพิสูจน์ถึงความบริสุทธิ์ปราศจากความผิดใดๆ
แน่นอนที่สุดว่า ความเปลี่ยนแปลงใดๆใน FIFA ในอนาคตย่อมต้องมีผลกระทบต่อสมาคมฟุตบอลไทยในระดับที่ยากเกินจะจินตนาการได้ นอกจากความวาดหวังว่า จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นกว่าเดิม
.
.
.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มอเตอร์ หรือ สติกเกอร์

เมื่อตอนที่ Real Madrid ทีมดังในสเปนตัดสินใจขาย Claude Makelele ให้กับทีม Chelsea แล้วซื้อ David Beckham มาแทนที่ในช่วงกลางปี 2003 ปรา...