ประเด็นสำคัญต่อมาที่จำเป็นต้องกล่าวถึงก็คือ ทำไมหรือด้วยเหตุผลเป้าหมายใดที่ทำให้ประธานาธิบดีปูตินจึงตัดสินใจยกกองทัพไปช่วยเหลือรัฐบาลซีเรียในครั้งนี้
จนเกิดกระแสช๊อคไปทั่วโลกและหวั่นวิตกว่าจะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3(?)
ในเป้าหมายหลายๆประการที่ผ่านการชั่งน้ำหนักคิดคำนวณของผู้นำรัสเซียแล้ว
ดูเหมือนว่า วิกฤติซีเรียในครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้รัสเซียสามารถ “ยิงปืนนัดเดียวได้นกเป็นฝูง” โดยไม่ได้เรียงลำดับน้ำหนักความสำคัญของแต่ละเป้าหมาย
ดังนี้
เมื่อวิกฤติซีเรียเปิดโอกาสให้รัสเซียปิดประตูยูเครน |
หนึ่ง ปัญหาหนักอกหนึ่งที่ใกล้ตัวรัสเซียที่สุดและทำให้รัสเซียต้องเผชิญหน้ากับฝ่ายตะวันตก
ณ ปัจจุบันก็คือปัญหายูเครน ดังนั้น วิกฤติซีเรียจะเปิดโอกาสให้โลกหันเหมาสนใจซีเรียมากขึ้นและปัญหายูเครนน้อยลง
สอง ปัญหาสำคัญหนึ่งที่ถือเป็นภัยคุกคามรัสเซียโดยตรงและเป็นประเด็นที่รัฐบาลรัสเซียหยิบยกมาอ้างเป็นเหตุผลสำคัญหนึ่งในการไปช่วยเหลือกองทัพซีเรียก็คือปัญหาชาวเชเชนมุสลิม(ที่มาจากพื้นที่เชกเนียของรัสเซีย)จำนวนมากที่ร่วมรบอยู่ในกลุ่ม
IS ดังนั้น
รัฐบาลรัสเซียจึงถือเป็นภารกิจที่จะต้องกำจัด “เชื้อร้าย” นี้ก่อนที่ชาวเชเชนกลุ่มนี้จะกลับมาสร้างปัญหาใหญ่ในวันหน้าให้กับรัสเซีย
คลื่นผู้อพยพหนีภัยสงครามการเมือง |
สาม ก่อนหน้าจะเกิดปฏิบัติการถล่มด้วยเครื่องบินรบของรัสเซียนั้น
ยุโรปเผชิญปัญหาผู้ลี้ภัยที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 จนยากเกินเยียวยา เพราะฉะนั้น
ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียเหนือดินแดนซีเรียคือการแก้ปัญหาผู้ลี้ภัยที่ต้นตอโดยตรง
ถือเป็นการช่วยแก้ปัญหาให้ยุโรปไปในตัว และอาจจะช่วยทำให้ภาพพจน์ของรัสเซียในสายตาของยุโรปหลายๆประเทศดีขึ้น โดยเฉพาะประเทศในฟากยุโรปตะวันออกที่ต่อต้านผู้อพยพมากๆ และรัสเซียวาดหวังว่า จะช่วยผ่อนปรนความขัดแย้งระหว่างยุโรปในการแก้ปัญหายูเครนได้บ้าง
กลุ่มก่อการร้ายพากันหนาวสั่นเมื่อหมีขาวขยับ |
สี่ รัสเซียต้องการสร้างภาพพจน์ใหม่และพิสูจน์ว่าสามารถเล่นบทบาท
“ตำรวจโลก” ได้ดีกว่าสหรัฐฯ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ถึงแม้โลกจะตระหนักถึงภัยคุกคามและความโหดร้ายของกลุ่ม
IS แต่สหรัฐฯและพันธมิตรก็ไม่สามารถกำจัดกลุ่มก่อการร้ายนี้ได้เลย
เพราะฉะนั้น
หากปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียประสบความสำเร็จถึงขั้นถอนรากถอนโคนกลุ่ม IS
ได้ ก็จะหนุนเสริมทำให้ภาพพจน์ของรัสเซียดีกว่าสหรัฐฯอย่างแน่นอน
และทำให้รัสเซียกลายเป็นที่พึ่งของประเทศเล็กประเทศน้อยในอนาคตในการแก้ไขปัญหาต่างๆ
ที่สหรัฐฯไม่สามารถทำได้
ทั้งนี้
สิ่งที่รัสเซียย้ำมาตลอดก็คือ
ปฏิบัติการทหารในซีเรียครั้งนี้มีความชอบธรรมถูกต้องที่สุด (แตกต่างจากสหรัฐฯและพันธมิตรที่ละเมิดกฏหมายระหว่างประเทศในการบุกถล่มกลุ่มก่อการร้ายในดินแดนซีเรีย
โดยรัฐบาลซีเรียไม่ได้ร้องขอหรืออนุญาต) และมีเป้าหมายเพื่อกำจัดผู้ก่อการร้ายทุกๆกลุ่มให้แก่ชาวโลก
ศักยภาพทางทหารของรัสเซีย : ถึงเวลาต้องปัดสนิม |
ห้า ในทางปฏิบัติแล้ว ฐานะความเป็นมหาอำนาจโลกจะไร้ความหมายหากไม่สามารถแสดงศักยภาพหรือแสนยานุภาพให้เป็นที่ประจักษ์แจ้งได้
ดังนั้น วิกฤติซีเรียจึงเปิดโอกาสให้รัสเซียก้าวสู่เป้าหมายนี้หลังจากที่ห่างเหินภูมิภาคนี้ไปนานหลายทศวรรษ
โดยเฉพาะการแสดงบทบาทในฐานะประเทศมหาอำนาจที่สามารถกำหนดเกมความเคลื่อนไหวต่างๆในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ซึ่งถือเป็นภูมิภาคที่มีปัญหาความขัดแย้งมากที่สุด เป็นการเรียกคืนชื่อเสียงบารมีเดิมๆของอดีตสหภาพโซเวียตที่ประธานาธิบดีปูตินยังคงหวนหาอยู่ไม่เสื่อมคลาย
Welcome to the new world : ยินดีต้อนรับสู่บทบาทใหม่ |
นอกจากจะเปิดโอกาสให้รัสเซียได้แสดงแสนยานุภาพของความเป็นประเทศมหาอำนาจอย่างแท้จริงและป้องกันไม่ให้
“ผีอัฟกานิสถาน”
มาหลอกหลอนตอกย้ำความล้มเหลวในอดีตแล้ว บางที วิกฤติซีเรียในครั้งนี้อาจจะเป็นจุดพลิกผันที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองระหว่างประเทศอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกกลาง
( อ่านต่อตอนที่ 1)
'
'
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น