ในวงการแฟชั่นระดับโลก ไม่มีนางแบบไทยคนไหนที่ก้าวไกลไปกว่า ‘ยุ้ย’ รจนา เพชรกัณหา
เช่นเดียวกัน ในวงการมวยไทยระดับโลกแล้ว ไม่มีใครที่จะมีชื่อเสียงโดดเด่นยิ่งไปกว่า บัวขาว ป.ประมุข อีกแล้ว
ทั้งสองคนเป็นตัวอย่าง เป็นกรณีศึกษาสำหรับสังคมไทยได้เป็นอย่างดี สำหรับความเป็น “ดำใน- ไสวนอก”
ชื่อของ ‘ยุ้ย’ รจนา เพชรกัณหา โด่งดังถึงขั้นเป็นเพชรเม็ดงามจากเอเชีย เพราะสร้างประวัติ ศาสตร์เป็นนางแบบสาวไทยคนแรกและเพียงคนเดียวที่เคยเจิดจรัสบนเวทีนางแบบโลก อย่างชนิดที่ยังไม่มีคนที่สองที่เจริญรอยตามได้อย่างทัดเทียม
ด้วยบุคลิกลักษณะแลผิวพรรณแล้ว ‘ยุ้ย’ รจนาไม่ใช่ “พิมพ์นิยม” สำหรับสังคมไทยอย่างแน่นอน
เด็กสาวบ้านนอกผิวสองสี (สีที่ไม่มีวันได้ดีบนเวทีแค๊ทว๊อค) หน้าตาไทยๆแบบ “บ้านๆ” ซ้ำยังดั้งหัก (ที่ไม่มีวันได้เป็นนางเอกหนังไทย) รูปร่างผอมบางเป็นไม้กระดาน (เพราะความยากจน)
ด้วยบุคลิกลักษณะแลผิวพรรณเช่นว่านี้ ดูเหมือน แทบจะไม่มี “พื้นที่ว่าง” ในสังคมแฟชั่นไทยให้แก่ ‘ยุ้ย’ รจนา อย่างแน่นอน
จากเด็กสาวบ้านนอกถิ่นอีสานที่ใฝ่หาโอกาสในชีวิต โดยอาศัยเรียนระบบการศึกษาผู้ใหญ่ภาคค่ำหรือกศน. พร้อมทั้งทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟเด็กล้างจานล้างชาม อยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวรถเข็นข้างทางแถววัดธาตุทอง จนกระทั่งถูกค้นพบจากแมวมองสาวลูกครึ่งโดยบังเอิญ และถูกนำไปรจนาขัดฉวีจนคว้าตำแหน่งแชมป์ยอดนางแบบ Elite Super Model of Thailand 1994 อย่างน่าอัศจรรย์ในวัยสาวแรกรุ่น 19 ขวบ
ใบหน้าแบบไทยๆที่ไม่มีที่ยืนในสังคมไทย? |
.
หลายคนกังขาและมองว่า ‘ยุ้ย’ รจนา
ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งแชมป์นางแบบในคราวนั้นเลย และไม่คิดว่า ‘ยุ้ย’ รจนา
จะมีอนาคตที่สดใสบนแคทว๊อล์คบางกอกรอท่าอยู่
เพราะคุณสมบัติ
“บ้านๆ” ของ ‘ยุ้ย’ รจนาที่ไม่เคยผ่านเวทีประกวดนางงาม ไม่เคยเรียนหนังสือต่างประเทศ
เป็นเพียงลูกชาวนาจนๆไทยแท้คนหนึ่งที่คุ้นเคยกับการเลี้ยงกระบือ
ซึ่งถือว่าแตกต่างจากพิมพ์นิยมอย่างนางแบบดังๆ ในยุคนั้นไม่ว่าจะเป็นลูกเกด เมทินี
กิ่งโพยม, เฮเลน ปทุมรัตน์ วรมาลี, คาร่า
พลสิทธิ์, มาช่า, เยลหลีหรือจอย วราลักษณ์
วาณิชย์กุล
ยุ้ย รจนาในวันที่สร้างประวัติศาสตร์บนหน้าปก Vogue |
‘ยุ้ย’ รจนาถูกปฏิเสธถูกมองข้ามจากวงการแฟชั่นบ้านเรา
แต่ในสายตาของคนโพ้นทะเลแล้ว ‘ยุ้ย’
รจนามีทุนทางกายภาพและโครงหน้าที่สมบูรณ์แบบและเป็นเอกลักษณ์ ไม่มีใครเชื่อว่า
โชคชะตาจะติดจรวดส่งผลให้ ‘ยุ้ย’
รจนาก้าวโกสู่อินเตอร์ได้ไกลได้เริดหรูขนาดนี้
.
จากจุดเริ่มต้นที่เป็นแบบถ่ายปกให้กับนิตยสาร Vogue ทำให้ ‘ยุ้ย’รจนากลายเป็นนางแบบเอเชียคนแรกที่ได้อวดโฉมถ่ายภาพโฆษนาให้กับผลิตภัณฑ์ของ Chanel ปรากฏหราบนบิลบอร์ดตามเมืองใหญ่ๆทั่วโลก ไล่เรียงตั้งแต่นิวยอร์ค มิลาน ปารีส ลอนดอนจนถึงโตเกียว จนนิตยสารระดับโลก Newsweek ยกย่องว่าเป็น New face of Asia
.
จากจุดเริ่มต้นที่เป็นแบบถ่ายปกให้กับนิตยสาร Vogue ทำให้ ‘ยุ้ย’รจนากลายเป็นนางแบบเอเชียคนแรกที่ได้อวดโฉมถ่ายภาพโฆษนาให้กับผลิตภัณฑ์ของ Chanel ปรากฏหราบนบิลบอร์ดตามเมืองใหญ่ๆทั่วโลก ไล่เรียงตั้งแต่นิวยอร์ค มิลาน ปารีส ลอนดอนจนถึงโตเกียว จนนิตยสารระดับโลก Newsweek ยกย่องว่าเป็น New face of Asia
ภาพประวัติศาสตร์ในวันที่ปรากฏเป็นนางแบบของ Chanel ให้ทั่วโลกได้รู้จัก |
ถึงแม้ว่าจะเป็นนางแบบที่โลกแฟชั่นรู้จักเป็นอย่างดี
แต่‘ยุ้ย’ รจนาก็ยังถูกคนไทยบางกลุ่มค่อนแคะดูถูกว่า
สวยเหมือนสาวเวียด(นาม) และถึงแม้จะดังเป็นนางแบบระดับโลกเพียงไหน แต่ ‘ยุ้ย’
รจนาก็ยังไม่สามารถเอาชนะหรือก้าวข้ามกำแพงทางสังคมบางอย่างได้ และมีเพียงนิตยสารไทยบางฉบับนับหัวได้ที่มีภาพของ‘ยุ้ย’ รจนาขึ้นปก
เพราะไม่ใช่ลุคส์สำหรับตลาดเมืองไทย
จึงไม่เป็นที่สงสัยว่า
ทำไม ‘ยุ้ย’ รจนาจึงรู้สึกอบอุ่นในต่างแดน
และทำไมลอนดอนและนิวยอร์คจึงกลายเป็นเหมือนบ้านที่สองเด็กสาวเมืองอุบลคนนี้
ในวันที่ยุ้ย รจนาสวยเทียบชั้นอินเตอร์ |
‘ยุ้ย’รจนาจึงเป็นคนไทยคนแรกๆของปรากฏการณ์ที่เรียกว่า
“ดำใน-ไสวนอก”
เหมือนเช่นชีวิตของสุดยอดนักมวยไทยที่ดังที่สุดในโลกสังเวียนอินเตอร์
ณ ชั่วโมงนี้อย่างบัวขาว ป.ประมุข ไม่มากก็น้อย
ในช่วงที่สร้างชื่อสร้างเสียงบนสังเวียนมวยไทยในประเทศนั้น ชื่อของ บัวขาว ป.ประมุข อาจจะไม่โดดเด่นเป็นแม่เหล็ก เป็นมวยขวัญใจเซียนมุมแดงมุมน้ำเงิน หรือโครตเก่งโครมวยสุดยอดฝีมือไร้เทียมทานแต่อย่างใด แต่ก็ถึงไม่ถึงเป็นนักมวยที่ขี้เหร่เสียทีเดียว
.
บัวขาวไม่ใช่เป็นนักมวยแบบแพ้ซ้ำซาก จนเอาดีไม่ได้หรือเข็นไม่ขึ้น จนต้องคิดไปเสี่ยงโชคสร้างชื่อในสังเวียนต่างแดน
.
ก่อนที่จะก้าวขึ้นไปสร้างชื่ออย่างเกริกเกรียงไกรบนสังเวียน
K-1
จนชื่อเสียงขจรไกลไปทั่วโลกนั้น เกียรติประวัติของบัวขาว ก็ต้องถือว่าไม่ธรรมดาเลย
.
.
บัวขาวเคยคว้าเข็มขัดมีดีกรีเป็นอดีตแชมป์เวทีมวยสยามอ้อมน้อยรุ่นเฟเธอร์เวทและรุ่นไลท์เวท เป็นอดีตแชมป์ประเทศไทยรุ่นเฟเธอร์เวท
รวมทั้งแชมป์มวยไทยมาราธอนโตโยต้า รุ่น 140 ปอนด์
.
.
หลังจากนั้น
จึงเริ่มเบนเข็มปรับหางเสือโกอินเตอร์ ไม่ใช่เพราะไร้เทียมทานจนไร้คุ่ต่อกรในสังเวียนเมืองไทย หรือเป็นเพราะเป็น “มวยแก่” ที่ไม่มีโปรโมเตอร์คนไหนใยดีอยากจัดชกด้วย
.
.
แต่ส่วนหนึ่ง
อาจะเป็นเพราะขาดความเป็นแม่เหล็ก ไม่ใช่นักมวยที่ขายได้อะไรปานนั้น
.
.
และส่วนหนึ่งที่สำคัญ บัวขาวถูกปรามาสว่า ชกแพ้มากกว่าชนะจนต้องเลิกชก
อาจจะเป็นเพราะโชคชะตาที่กำหนดว่า หากคิดจะเอาดี
คิดจะรุ่งต้องมุ่งโลกอินเตอร์
.
.
เหมือนโชคชะตาเข้าข้าง ด้วยอายุเพียง 22 ปี บัวขาวก็สร้างชื่อให้ระบือโลกมวยไทย
เมื่อสามารถคว้าแชมป์รายการ K-1 World Max ที่ประเทศญี่ปุ่น
และแชมป์สมัยที่ 2 ในอีก 2 ปีถัดมา
ทั้งเข็มขัดทั้งถ้วยการันตรี Super Black คนนี้ |
ณ เวลานี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า บัวขาวกลายเป็นนักมวยไทยระดับแม่เหล็กที่แฟนมวยทั่วโลกอยากชมอยากเห็นมากที่สุด เป็นนักมวยไทยที่มีแฟนคลับ แม่ยกสาวๆชาวญี่ปุ่นมากที่สุด เป็นนักมวยไทยที่มีชื่อเสียงที่สุดมากที่สุดในโลกสังเวียนการต่อสู้แบบนายขนมต้มยุคปัจจุบันก็ว่าได้
.
แต่ไม่ว่า
จะมีชื่อเสียงโด่งดังมากแค่ไหน มีดีกรีแชมป์ยิ่งใหญ่ในต่างแดนสักกี่เส้น
แต่ผู้คนในสังคมไทยส่วนหนึ่งก็มีคำถามในใจและไม่ยอมรับบัวขาว ป.ประมุข แบบเต็มๆ
เพราะนักมวยไทยชื่อดังที่สุดคนนี้ ไม่มีเกียรติประวัติเคยคว้าเข็มขัดแชมป์ใดๆของเวทีลุมพินีและเวทีราชดำเนินเลยสักเส้นเดียว
.
.
บางคนบอกว่า แชมป์ K-1 สองสมัย
ก็มิอาจเทียบชั้นแชมป์เพียงหนึ่งเส้นของสุดยอดสองเวทีมาตรฐานในเมืองไทยได้เลย
.
.
ซ้ำร้าย บัวขาวยังเคยถูกปรามาสว่าเป็นนักมวยที่เก่งเฉพาะกับคู่ต่อสู้ต่างด้าวที่ฝีมือมวย
ไทยไม่แข็งโป๊กเหมือนลูกหลานนายขนมต้นสายตรง
.
.
หนักเข้า ยังถูกปรามาสว่า
เป็นนักมวยที่ใช้ “หัวใจ” มากกว่า “หัว” มุ่งพละกำลังมากกว่าสมองปัญญา
หรือในภาษาของสมรักษ์ คำสิงห์ สุดยอดมวยไทยคนหนึ่งที่ว่า “ไอ้นี่มวยขี้เปียก” แบบว่า เป็นมวยแข็งแกร่งอย่างเดียว
ไอคิวมวยน้อย เหลี่ยมมวยไม่มี
จนอดีตแชมป์เหรียญทองมวยโอลิมปิคคนแรกของประเทศไทยอย่างสมรักษ์ในวัย 40
ถึงกับประกาศท้าต่อยประลองฝีมือกับบัวขาวแบบไม่มีกลัวพละกำลังของนักมวยรุ่นน้องที่มีวัยห่างกันถึง
9 ปี
สักวันหนึ่ง บัวขาว-ปากเกียว จะเป็นคู่หยุดจักรวาลมวย |
.
ว่ากันว่า บัวขาวได้ก้าวสู่อินเตอร์จนไกลเกินกว่าจะหันกลับมาชกกับนักมวยไทยด้วยกัน เรียก ว่าไกลจนถึงขั้นถูกจับคู่ให้ชกกับสุดยอดมวยโลกอย่างแมนนี่ ปาเกียวที่รอวันเป็นคู่หยุดจักรวาล(มวย) เหมือนเช่นที่‘ยุ้ย’ รจนาขึ้นชั้นเป็นแบบให้น้ำหอม Chanel
ว่ากันว่า บัวขาวได้ก้าวสู่อินเตอร์จนไกลเกินกว่าจะหันกลับมาชกกับนักมวยไทยด้วยกัน เรียก ว่าไกลจนถึงขั้นถูกจับคู่ให้ชกกับสุดยอดมวยโลกอย่างแมนนี่ ปาเกียวที่รอวันเป็นคู่หยุดจักรวาล(มวย) เหมือนเช่นที่‘ยุ้ย’ รจนาขึ้นชั้นเป็นแบบให้น้ำหอม Chanel
กรณีของ‘ยุ้ย’ รจนาและบัวขาวเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “ดำใน- ไสวนอก”
หรือเรียกว่า “ขี้เหร่ในบ้าน เบ่งบานต่างแดน” ก็ไม่ผิด
เป็นมหัศจรรย์แห่งชีวิตที่น้อยรายจะโชคดีเช่นนี้
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น