คำกล่าวของ ดร. ซุนยัดเซ็น บิดาแห่งประวัติศาสตร์จีนยุคใหม่ที่ว่า "ถ้าเราเชื่อมั่นว่าทำได้ ต่อให้ต้องย้ายภูเขาหรือถมทะเล ในที่สุดก็สำเร็จจนได้ แต่ถ้าเราคิดว่าทำไม่ได้ถึงแม้จะง่ายเพียงแค่พลิกฝ่ามือ ก็จะไม่มีวันประสบความสำเร็จได้" มีพลังมีเหตุมีผลไม่น้อย
เพราะโดยหลักจิตวิทยา "ใจสั่งกาย กายจึงเคลื่อน" แล้ว มีเหตุผลรองรับสนับสนุนว่า ความเชื่อ(มั่น)จะเป็นแรงขับดันที่ทรงพลังให้มนุษย์สามารถทำสิ่งต่างๆได้อย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งมีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมมากแค่ไหน ยิ่งมีพลังหนุนเสริมให้บรรลุผลได้มากเท่านั้น
ความเป็นสัตว์ประเสริฐ ไม่ได้ทำให้มนุษย์เราอาศัยสัญญชาตญาณเพียงลำพัง ไม่ได้พึ่งพาเหตุผลอยู่ตลอดเวลา แต่ต้องมีความเชื่อ(มั่น) เป็นรากฐานฝังลึกอยู่ในจิตใจด้วย จึงจะทำให้เราแตกต่างจากคนอื่นๆ
ความเชื่อมั่นนี้อาจจะได้ติดตัวถ่ายทอดมาทางยีนพันธุกรรม หรืออาจจะได้โดยผ่านการปลุกเร้าจูงใจ แต่ไม่ควรที่ใครสักคนจะดำรงชีพอยู่ได้โดยปราศจากซึ่งความรู้สึกเช่นนี้
คนที่มีความรู้สึกเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมนี้ มักจะเชื่ออยู่เสมอว่า Nothing is impossible ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้(ตั้งแต่แรก) จนกว่าเราจะได้ลองทำแล้วหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า "have a go" เสียก่อน
เหมือนเช่นเซอร์เอดมุนด์ ฮิลลารี่ที่ได้บุกเบิกให้มนุษย์เชื่อมั่นว่า ถึงจะสูงเสียดฟ้าสักปานใด แต่มนุษย์เราก็สามารถพิชิตเอฟเวอร์เรสต์ได้
ยอดเอฟเวอร์เรสต์ที่ไม่เคยร้างคนสู้ |
ถึงจะสูงเสียดฟ้า ก็ไม่เกินสองฝ่าเท้าของคนสู้ |
หากไม่มีความเชื่อมั่น ก็ไม่มีวันพิชิตได้ |
ความเชื่อมั่นสามารถทำให้ชนะใจตัวเองได้ |
อีกไม่ไกล ไปให้ถึง |
ด้วยความเชื่อมั่นที่เต็มเปี่ยมที่สุด ทำให้คุณหนึ่งหักปากกาเซียน กลายเป็นคนไทยคนแรกและคนเดียวที่สามารถพิชิตเวอเวอร์เรสต์ได้ |
ก้าวไกล แก่นนรสิงห์สามารถสร้างมหัศจรรย์ด้วยการโค่นยักษ์
คว้าแชมป์โลก K-1 ทั้งๆที่ตัวเล็กกว่ามากๆ เพราะไม่คิดถอดใจ
ตั้งแต่ก่อนขึ้นเวที เพราะเชื่อมั่นว่าจะเอาชนะได้
เช่นเดียวกับในโลกแห่งกีฬา ความเชื่อมั่นกับความรู้สึกกลัวจะเป็นปฏิปักษ์กันเพราะถ้าไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองแล้ว ความกลัวมักจะนำไปสู่ความพ่ายแพ้เสมอ เหมือนเช่นที่นักมวยคนแล้วคนเล่ากลัวไมค์ ไทสัน (ในยามห้าว) ตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเวทีชก เหมือนเช่นที่นักเทนนิสคนแล้วคนเล่ากลัวโรเจอร์ เฟดเดอ เรอร์(ในยามรุ่ง) ตั้งแต่ยังไม่ลงคอร์ท
ในวันนี้ วงการฟุตบอลกำลังพูดถึงว่า ทีมท๊อตแน่ม ฮอทสเปอร์สจะมีความเชื่อมั่นมากแค่ไหนที่จะก้าวผ่านอุปสรรคผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศของรายการแชมป์เปี้ยนลีก ฟุตบอลรายการใหญ่ที่สุดของยุโรป
เพราะคู่แข่งขันอย่างรีล แมดริดคืออดีตแชมป์ยุโรป 9 สมัย
เพราะสเปอร์สมีสกอร์ตามหลังถึง 4 ประตู
เข็นครกขึ้นภูเขาว่ายากแล้ว เข็นภูเขาขึ้นครกยิ่งยากกว่า
ถึงแม้ว่า สถิติเก่าๆจะไม่เป็นใจและเปิดใจให้กับทีมจากลอนดอน เพราะไม่เคยมีทีมไหนที่จะสามารถยิงประตูแก้คืนเอาชนะในเกมที่สองได้มากกว่า 4 ประตู แต่สเปอร์ไม่ใช่ทีมที่เชื่อในเรื่องลางบางเชื่อ
ในทางตรงกันข้าม สเปอร์สเป็นทีมที่ผ่านประสบการณ์สร้างมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นมาก่อน สามารถเอาชนะทีมยักษ์ใหญ่อย่างอินเตอร์ มิลานและเอซี มิลานอย่างชนิดที่ไม่มีใครสักคนเดียวเชื่อมั่นว่าจะทำได้
สเปอร์สกำลังจะสร้างประวัติศาสตร์สร้างมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้น |
นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับสเปอร์ส เพราะทั้งผู้จัดการทั้งนักเตะต่างมีความเชื่อมั่นว่า อะไรๆก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ถ้าหากไม่ยกธงขาวหรือโยนผ้าก่อนสู้ศึก
เหมือนกับที่เพลง "I believe I can fly" บอกว่า ฉันเชื่อว่าบินได้ เพราะว่า "There are miracles in life I must achieve" นั่นคือ มีเรื่องมหัศจรรย์ต่างๆในชีวิตที่ต้องบรรลุให้ได้
สเปอร์สกำลังพิสูจน์ว่า ด้วยความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมนี้ มหัศจรรย์จะมีจริงหรือไม่
อ่าน "เชื่อมั่นว่าทำได้ สเปอร์สจึงทำได้"
http://preechayana.blogspot.com/2011/03/blog-post.html
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น