หลายๆ คนกำลังกังวลอยู่ว่าอนาคตของคาร์โล อันเชล็อตติในฐานะผู้จัดการทีมเชลซีจะเป็นอย่างไรท่ามกลางวิกฤติฟอร์มที่เกิดขึ้นกับสโมสรในขณะนี้
ไม่อยากเชื่อเลย |
วิกฤติฟอร์มย่อมเป็นเชื้อแห่งความผิดหวัง เป็นที่สุดให้แก่คาร์โล อันเชล็อตติ
ถึงจะเคยประสบความสำเร็จมามากมายแค่ ไหนแต่มีวันที่อันเชล็อตติคนนี้เดินคอตกได้ (อา)การเดินคอตกของผู้เล่นย่อมไม่ใช่สัญญาณที่ดี |
ตัวเลขสถิติทางคณิตศาสตร์ระบุชัดเจนว่า ทีมดับเบิ้ลแชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้วคว้าชัยได้เพียงหนึ่งครั้งในรอบสองเดือนที่ผ่านมา เก็บเกี่ยวได้เพียง 10แต้มจาก 33เต็ม ส่งผลให้อันดับในพรีเมียร์ลีกร่วงกรูดจากหัวแถวตกไปอันดับ 5 ในเวลานี้
ถือเป็นตำแหน่ง “ผิดปกติ” ที่คนในสโมสรนี้ไม่คุ้นเคยเอาเลยก็ว่าได้
แล้วอะไรคือจุดเปลี่ยนจุดพลิกผันทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดและบาร์ซ่าที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรได้ถึงขณะนี้
บาร์ซ่าเริ่มต้นครึ่งแรกของฤดูกาล 2003-2004 อย่างน่าผิดหวังเป็นที่สุด วิกฤติฟอร์มทำให้อันดับตกอยู่ในโซนอันตรายใกล้ตกชั้น ซ้ำร้ายยังถูกรีล แมดริดบุกมาคว้าชัยถึงในถิ่นได้เป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปี เป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้าเป็นที่สุด
นับตั้งแต่นั้น บาร์เซโลน่าก็สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ต่างๆ มาครองทั้งหมด และทีมชุดปัจจุบันได้รับยกย่องถึงขั้นว่าเป็นทีมฟุตบอลที่ดีสุดในประวัติศาสตร์โลกลูกหนัง
อารมณ์สับสนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น |
อารมณ์ความเจ็บปวดสำหรับกัปตันทีมกับวิกฤติฟอร์มที่เกิดขึ้น |
อาจจะมีหลายๆเหตุผลกลปัจจัยที่สามารถหยิบยกมาอธิบายวิกฤติฟอร์มของทีมที่ดีที่สุดในอังกฤษเมื่อฤดูกาลที่แล้วตกต่ำจนถึงขั้นเป็นสถิติที่แย่ที่สุดในรอบ 14 ปีของสโมสร
ในวันที่โดดเดี่ยวบนสนาม? |
ถึงแม้ฟอร์มในวันนี้จะตกต่ำตกดิ่งมากแค่ไหนก็ตาม แต่ความเชื่อของคนกีฬาที่ว่า ฟอร์มเป็นเรื่องชั่วครั้งชั่วคราว คลาสเป็นเรื่องถาวรนั้นเป็นสัจจธรรมที่แน่นอนที่สุด เป็นเชื้อที่สร้างความหวังไม่น้อย (อ่านเพิ่มเติม Form is temporary, class is permanent)
เชลซีกับตำแหน่งดับเบิ้ลแชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว |
ตำแหน่งแชมป์คือเครื่องหมายคือคลาสแห่งความยิ่งใหญ่ |
นั่นคือ ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ทุกๆทีมล้วนแต่มีช่วงจังหวะหนึ่งที่ต้องเผชิญกับวิกฤติฟอร์มที่มีขึ้นมีลงแต่ฟอร์มก็มีวันหมดอายุไม่มีวันตกต่ำไปตลอดกาล
ในขณะที่ความเป็นแชมป์คือเครื่องหมายบ่งบอกถึงคลาสความยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
เพราะเชลซีมีเกียรติศักดิ์ของความแชมป์หลายตำแหน่ง ฟอร์มที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันย่อมจะไม่หนักหนาสากรรจ์จนสามารถสั่นคลอนคลาสของสโมสรเป็นแน่ แต่ในขณะเดียวกันคงจะไม่มีใครกล้าหาญหรือทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน ปล่อยให้สถานการณ์สุกงอมจนงาก็ไหม้ไปเสียก่อนแล้ว
หลายๆ คนมีความหวังว่า จะช้าจะเร็ว คาร์โล อันเชล็อตติในฐานะเป็นผู้นำขององค์กรจะสามารถ turn around หรือพลิกฟื้นวิกฤติฟอร์มของเชลซีได้ เหมือนเช่นที่เคยทำสำเร็จมาก่อนในสมัยคุมทีมเอซี มิลานในอิตาลี
เพราะวิกฤติฟอร์มคือบททดสอบของทีมที่ยิ่งใหญ่ทุกทีม ประสบการณ์ของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและบาร์เซโลน่า คือตัวอย่างคลาสสิกที่พิสูจน์ว่าหากสามารถฝ่าหรือก้าวพ้นวิกฤติฟอร์มไปได้แล้ว แชมป์เปี้ยนก็จะไหลมาเทมาเพื่อตอกย้ำคลาสแห่งความยิ่งใหญ่
แล้วอะไรคือจุดเปลี่ยนจุดพลิกผันทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดและบาร์ซ่าที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรได้ถึงขณะนี้
ย้อนหลังไปเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน ฤดูกาลปี 1992-1993 คือปีที่ 6 ของเซอร์อเล็ก เฟอร์กูสันในฐานะผู้จัดการทีมที่ยังไม่สามารถคว้าถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดให้กับสโมสรได้ จนจวนเจที่จะถูกปลดออกจากตำแหน่งครั้งแล้วครั้งเล่า
ปีศาจแดงแห่งอังกฤษเริ่มต้นฤดูกาลนั้นด้วยผลงานที่ย่ำแย่น่าผิดหวัง ผ่านไปครึ่งแรกของฤดูกาล สามารถเก็บได้เพียง 6 ชัยเท่านั้น เฟอร์กูสันยังไม่สามารถหาจุดเปลี่ยนของทีมได้จนกระทั่งเมื่ออดีตนักเตะทีมชาติฝรั่งเศสที่ชื่ออิริค คันโตน่าย้ายเข้ามาร่วมทีมในช่วงกลางซีซั่น กลายเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการเปลี่ยนแปลง คันโตน่าเปรียบเสมือน"เทพีฟอร์ทิวนา" ผู้นำโชคมาให้แก่ทีม
อิริค คันโตน่า : ตำนาน "เทพีฟอร์ทิวน่า" แห่งโอลด์แทรฟฟอร์ด |
คันโตน่าสามารถสร้างความแตกต่างและความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในทีมทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดกลายเป็นคนละทีมที่แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้สิ้นเชิง สถานการณ์ของทีมดีขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์ สามารถเก็บชัยได้ถึง 18 นัดจนทะลุคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นทีมแรกของอังกฤษ เป็นแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปีของแมนฯยูไนเต็ด
หลังจากนั้น เฟอร์กูสันก็สามารถนำทีมแมนฯ ยูไนเต็ดกวาดแชมป์ต่างๆ มากมายก่ายกองสร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นสโมสรที่มีคลาสสูงสุดของประเทศอังกฤษในปัจจุบันก็ว่าได้
เช่นเดียวกัน บาร์เซโลน่าทีมยักษ์ใหญ่แห่งสเปนกระหายชัยชนะและแชมป์เปี้ยนอย่างเหลือคณา
บาร์เซโลน่าแต่งตั้งแฟรงค์ ไรท์การ์ดให้เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ในปี 2003 ด้วยความหวังว่า จะสามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศได้เป็นครั้งแรกของสหัสวรรษใหม่
บาร์ซ่าเริ่มต้นครึ่งแรกของฤดูกาล 2003-2004 อย่างน่าผิดหวังเป็นที่สุด วิกฤติฟอร์มทำให้อันดับตกอยู่ในโซนอันตรายใกล้ตกชั้น ซ้ำร้ายยังถูกรีล แมดริดบุกมาคว้าชัยถึงในถิ่นได้เป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปี เป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้าเป็นที่สุด
ไรท์การ์ดเสี่ยงกับการถูกปลดออกจากตำแหน่ง แต่เหมือนโชคช่วย เพราะนักเตะที่ชื่อเอ็ดการ์ ดาวิดส์ กลายเป็น "เทพีฟอร์ทิวนา" ผู้นำโชคมาให้แก่ทีม
เอ็ดการ์ ดาวิดส์: ตำนาน "เทพีฟอร์ชูน่า" แห่งนูแคมป์ |
การย้ายเข้ามาแบบยืมตัวของเอ็ดการ์ ดาวิดส์ในช่วงกลางซีซั่น กลายเป็นจุดพลิกผันที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรก็ว่าได้ เพราะหลังจากนั้น บาร์เซโลน่ากลายเป็นอีกทีมหนึ่งที่ไม่เหมือนเดิม สามารถทะยานหัวจนได้อันดับรองแชมป์เมื่อจบฤดูกาลได้ (อ่าน ไม่มีดาวิดส์เมื่อวันวาน ไม่มีบาร์ซ่าให้เล่าขานในวันนี้)
นับตั้งแต่นั้น บาร์เซโลน่าก็สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ต่างๆ มาครองทั้งหมด และทีมชุดปัจจุบันได้รับยกย่องถึงขั้นว่าเป็นทีมฟุตบอลที่ดีสุดในประวัติศาสตร์โลกลูกหนัง
ภาวนาให้เทพีฟอร์ทิวน่ามาเยือนแสตนด์ฟอร์ดบริดไวๆ |
วันวานยังหวานอยู่กับตำแหน่งดับเบิ้ลแชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว |
แล้วใครจะเป็น"เทพีฟอร์ทิวนา"ผู้นำโชคมาให้แก่เชลซีในวันนี้ แน่นอนที่สุดอันเชล๊อตติย่อมวาดหวังว่า โชคจะอยู่ข้างๆเขา ค้นพบนักเตะที่สามารถสร้างผลกระทบได้ในทันทีและพลิกฟื้นเปลี่ยนเชลซีให้กลายเป็นทีมที่มีคลาสของแชมป์เปี้ยนอีกครั้งหนึ่งสร้างตำนานประวัติศาสตร์เหมือนอิริค คันโตน่าและเอ็ดการ์ ดาวิดส์
ครุ่นคิดว่าจะเหลือเวลาโอกาสอีกนานสักแค่ไหน? |
ขออีก 4 นัดนะ แต่ถ้าได้ 4 เดือนยิ่งดีใหญ่ |
นี่คือสิ่งผู้จัดการทีมชาวอิตาเลี่ยนคนนี้วาดหวังว่าโชคจะมาถึงเขาให้เร็วที่สุด มิฉะนั้น เขาอาจจะกลายเป็นอดีตผู้จัดการทีมเชลซีในวันพรุ่งนี้ก็ได้
วาดหวังว่า จะมีโอกาสได้แสดงอาการแบบนี้อีกครั้งเมื่อจบฤดูกาลนี้ |
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น