6 มกราคม 2554

วิกฤติฟอร์มกับจุดเปลี่ยนของเชลซี

.


หลายๆ คนกำลังกังวลอยู่ว่าอนาคตของคาร์โล อันเชล็อตติในฐานะผู้จัดการทีมเชลซีจะเป็นอย่างไรท่ามกลางวิกฤติฟอร์มที่เกิดขึ้นกับสโมสรในขณะนี้



ไม่อยากเชื่อเลย


Chelsea boss Carlo Ancelotti sees showdown with Manchester United on March 1 as crucial to title race
วิกฤติฟอร์มย่อมเป็นเชื้อแห่งความผิดหวัง
เป็นที่สุดให้แก่คาร์โล อันเชล็อตติ


       
อาการที่บ่งบอกถึงความผิดหวังอย่างที่สุด
 

เป็นไปไม่ได้ที่จะหัวเราะในช่วงวิกฤติฟอร์มแบบนี้ได้



ถึงจะเคยประสบความสำเร็จมามากมายแค่
ไหนแต่มีวันที่อันเชล็อตติคนนี้เดินคอตกได้




 
(อา)การเดินคอตกของผู้เล่นย่อมไม่ใช่สัญญาณที่ดี

ตัวเลขสถิติทางคณิตศาสตร์ระบุชัดเจนว่า ทีมดับเบิ้ลแชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้วคว้าชัยได้เพียงหนึ่งครั้งในรอบสองเดือนที่ผ่านมา เก็บเกี่ยวได้เพียง 10แต้มจาก 33เต็ม  ส่งผลให้อันดับในพรีเมียร์ลีกร่วงกรูดจากหัวแถวตกไปอันดับ 5 ในเวลานี้            
 
ถือเป็นตำแหน่ง ผิดปกติ ที่คนในสโมสรนี้ไม่คุ้นเคยเอาเลยก็ว่าได้       

 

อารมณ์สับสนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
  

อารมณ์ความเจ็บปวดสำหรับกัปตันทีมกับวิกฤติฟอร์มที่เกิดขึ้น
 
อาจจะมีหลายๆเหตุผลกลปัจจัยที่สามารถหยิบยกมาอธิบายวิกฤติฟอร์ของทีมที่ดีที่สุดในอังกฤษเมื่อฤดูกาลที่แล้วตกต่ำจนถึงขั้นเป็นสถิติที่แย่ที่สุดในรอบ 14 ปีของสโมสร

 

ในวันที่โดดเดี่ยวบนสนาม?
 
     
ถึงแม้ฟอร์มในวันนี้จะตกต่ำตกดิ่งมากแค่ไหนก็ตาม แต่ความเชื่อของคนกีฬาที่ว่า ฟอร์มเป็นเรื่องชั่วครั้งชั่วคราว คลาสเป็นเรื่องถาวรนั้นเป็นสัจจธรรมที่แน่นอนที่สุด เป็นเชื้อที่สร้างความหวังไม่น้อย (อ่านเพิ่มเติม Form is temporary, class is permanent)



เชลซีกับตำแหน่งดับเบิ้ลแชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว

ตำแหน่งแชมป์คือเครื่องหมายคือคลาสแห่งความยิ่งใหญ่
 

นั่นคือ ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ทุกๆทีมล้วนแต่มีช่วงจังหวะหนึ่งที่ต้องเผชิญกับวิกฤติฟอร์มที่มีขึ้นมีลงแต่ฟอร์มก็มีวันหมดอายุไม่มีวันตกต่ำไปตลอดกาล



ในขณะที่ความเป็นแชมป์คือเครื่องหมายบ่งบอกถึงคลาสความยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ



เพราะเชลซีมีเกียรติศักดิ์ของความแชมป์หลายตำแหน่ง ฟอร์มที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันย่อมจะไม่หนักหนาสากรรจ์จนสามารถสั่นคลอนคลาสของสโมสรเป็นแน่ แต่ในขณะเดียวกันคงจะไม่มีใครกล้าหาญหรือทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน ปล่อยให้สถานการณ์สุกงอมจนงาก็ไหม้ไปเสียก่อนแล้ว
 
หลายๆ คนมีความหวังว่า จะช้าจะเร็ว คาร์โล อันเชล็อตติในฐานะเป็นผู้นำขององค์กรจะสามารถ turn around  หรือพลิกฟื้นวิกฤติฟอร์มของเชลซีได้ เหมือนเช่นที่เคยทำสำเร็จมาก่อนในสมัยคุมทีมเอซี มิลานในอิตาลี

เพราะวิกฤติฟอร์มคือบททดสอบของทีมที่ยิ่งใหญ่ทุกทีม ประสบการณ์ของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและบาร์เซโลน่า คือตัวอย่างคลาสสิกที่พิสูจน์ว่าหากสามารถฝ่าหรือก้าวพ้นวิกฤติฟอร์มไปได้แล้ว แชมป์เปี้ยนก็จะไหลมาเทมาเพื่อตอกย้ำคลาสแห่งความยิ่งใหญ่
 
แล้วอะไรคือจุดเปลี่ยนจุดพลิกผันทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดและบาร์ซ่าที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรได้
ถึงขณะนี้



ย้อนหลังไปเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน ฤดูกาลปี 1992-1993 คือปีที่ 6 ของเซอร์อเล็ก เฟอร์กูสันในฐานะผู้จัดการทีมที่ยังไม่สามารถคว้าถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดให้กับสโมสรได้ จนจวนเจที่จะถูกปลดออกจากตำแหน่งครั้งแล้วครั้งเล่า



ปีศาจแดงแห่งอังกฤษเริ่มต้นฤดูกาลนั้นด้วยผลงานที่ย่ำแย่น่าผิดหวัง  ผ่านไปครึ่งแรกของฤดูกาล สามารถเก็บได้เพียง 6 ชัยเท่านั้น เฟอร์กูสันยังไม่สามารถหาจุดเปลี่ยนของทีมได้จนกระทั่งเมื่ออดีตนักเตะทีมชาติฝรั่งเศสที่ชื่ออิริค คันโตน่าย้ายเข้ามาร่วมทีมในช่วงกลางซีซั่น กลายเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการเปลี่ยนแปลง  คันโตน่าเปรียบเสมือน"เทพีฟอร์ทิวนา" ผู้นำโชคมาให้แก่ทีม


อิริค คันโตน่า : ตำนาน "เทพีฟอร์ทิวน่า" แห่งโอลด์แทรฟฟอร์ด

คันโตน่าสามารถสร้างความแตกต่างและความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในทีมทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดกลายเป็นคนละทีมที่แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้สิ้นเชิง สถานการณ์ของทีมดีขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์ สามารถเก็บชัยได้ถึง 18 นัดจนทะลุคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นทีมแรกของอังกฤษ เป็นแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปีของแมนฯยูไนเต็ด

หลังจากนั้น เฟอร์กูสันก็สามารถนำทีมแมนฯ ยูไนเต็ดกวาดแชมป์ต่างๆ มากมายก่ายกองสร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นสโมสรที่มีคลาสสูงสุดของประเทศอังกฤษในปัจจุบันก็ว่าได้  

เช่นเดียวกัน  บาร์เซโลน่าทีมยักษ์ใหญ่แห่งสเปนกระหายชัยชนะและแชมป์เปี้ยนอย่างเหลือคณา

บาร์เซโลน่าแต่งตั้งแฟรงค์ ไรท์การ์ดให้เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ในปี 2003 ด้วยความหวังว่า จะสามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศได้เป็นครั้งแรกของสหัสวรรษใหม่

บาร์ซ่าเริ่มต้นครึ่งแรกของฤดูกาล 2003-2004 อย่างน่าผิดหวังเป็นที่สุด  วิกฤติฟอร์มทำให้อันดับตกอยู่ในโซนอันตรายใกล้ตกชั้น  ซ้ำร้ายยังถูกรีล แมดริดบุกมาคว้าชัยถึงในถิ่นได้เป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปี  เป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้าเป็นที่สุด

ไรท์การ์ดเสี่ยงกับการถูกปลดออกจากตำแหน่ง แต่เหมือนโชคช่วย  เพราะนักเตะที่ชื่อเอ็ดการ์ ดาวิดส์ กลายเป็น "เทพีฟอร์ทิวนา" ผู้นำโชคมาให้แก่ทีม


เอ็ดการ์ ดาวิดส์: ตำนาน "เทพีฟอร์ชูน่า" แห่งนูแคมป์





การย้ายเข้ามาแบบยืมตัวของเอ็ดการ์ ดาวิดส์ในช่วงกลางซีซั่น กลายเป็นจุดพลิกผันที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรก็ว่าได้  เพราะหลังจากนั้น บาร์เซโลน่ากลายเป็นอีกทีมหนึ่งที่ไม่เหมือนเดิม สามารถทะยานหัวจนได้อันดับรองแชมป์เมื่อจบฤดูกาลได้ (อ่าน ไม่มีดาวิดส์เมื่อวันวาน ไม่มีบาร์ซ่าให้เล่าขานในวันนี้)

นับตั้งแต่นั้น บาร์เซโลน่าก็สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ต่างๆ มาครองทั้งหมด และทีมชุดปัจจุบันได้รับยกย่องถึงขั้นว่าเป็นทีมฟุตบอลที่ดีสุดในประวัติศาสตร์โลกลูกหนัง



ภาวนาให้เทพีฟอร์ทิวน่ามาเยือนแสตนด์ฟอร์ดบริดไวๆ


วันวานยังหวานอยู่กับตำแหน่งดับเบิ้ลแชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว


แล้วใครจะเป็น"เทพีฟอร์ทิวนา"ผู้นำโชคมาให้แก่เชลซีในวันนี้ แน่นอนที่สุดอันเชล๊อตติย่อมวาดหวังว่า โชคจะอยู่ข้างๆเขา ค้นพบนักเตะที่สามารถสร้างผลกระทบได้ในทันทีและพลิกฟื้นเปลี่ยนเชลซีให้กลายเป็นทีมที่มีคลาสของแชมป์เปี้ยนอีกครั้งหนึ่งสร้างตำนานประวัติศาสตร์เหมือนอิริค คันโตน่าและเอ็ดการ์ ดาวิดส์


ครุ่นคิดว่าจะเหลือเวลาโอกาสอีกนานสักแค่ไหน?


ขออีก 4 นัดนะ แต่ถ้าได้ 4 เดือนยิ่งดีใหญ่



นี่คือสิ่งผู้จัดการทีมชาวอิตาเลี่ยนคนนี้วาดหวังว่าโชคจะมาถึงเขาให้เร็วที่สุด มิฉะนั้น เขาอาจจะกลายเป็นอดีตผู้จัดการทีมเชลซีในวันพรุ่งนี้ก็ได้




วาดหวังว่า จะมีโอกาสได้แสดงอาการแบบนี้อีกครั้งเมื่อจบฤดูกาลนี้


Chelsea likely to persevere with Carlo Ancelotti as manager despite great concerns
มิฉะนั้นแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ อันเชล็อตติคงจะรู้ "ประตูทางออก"





.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มอเตอร์ หรือ สติกเกอร์

เมื่อตอนที่ Real Madrid ทีมดังในสเปนตัดสินใจขาย Claude Makelele ให้กับทีม Chelsea แล้วซื้อ David Beckham มาแทนที่ในช่วงกลางปี 2003 ปรา...