ท่ามกลางวิกฤติที่คนไทยลุ่มน้ำเจ้าพระยากำลังประสบอย่างสาหัสสากรรจ์เยี่ยงนี้ บทเรียนบางบทบางตอนของประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็ถูกรื้อฟึ้นให้กลับมาพินิจคิดเคราะห์อีกครั้ง โดยเฉพาะหลายๆวิกฤติที่คนไทยเราเคยประสบมา
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่คนไทยในหลายๆจังหวัดต้อง "อุ้มทุกข์" อย่างสาหัสสากรรจ์ ในขณะเดียวกัน คนกรุงเทพฯซึ่งถือเป็น "ก้นถุง" ทางกายภาพที่ต้องรองรับมวลน้ำมหาศาลจากทางเหนือก็ติดตามข่าวสารต่างๆ อย่างใจจอใจจ่อด้วยความกังวลเป็นที่สุด การรับรู้ว่า พนังกั้นน้ำตรงจุดนั้นตรงจุดนี้เริ่มแตกหรือต้านทานกระแสน้ำไม่ไหวแล้ว หรือประตูน้ำประตูเล่าเริ่มพังเริ่มล้น ไม่ต่างไปจากสภาวะน้ำท่วมใจ มีสภาพจิตที่ทั้งหวั่นใจพร้อมๆกับการเตรียมใจว่าน้ำเหนือจะไหลบ่ามาท่วมกรุงเทพฯหรือไม่ หรือถ้าจะท่วมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว จะท่วมหนักหนาสักแค่ไหน
แน่นอนที่สุด เพราะความสำคัญอย่างยิ่งยวดของกรุงเทพฯ ที่มีฐานะเป็นเมืองหลวงและเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศ กรุงเทพฯจึงเป็นพื้นที่ที่วิตกกังวลสูงสุดและได้รับการปกป้องอย่างเต็มพิกัด ชนิดที่ไม่อาจยอมแพ้ต่ออุทกภัยในครั้งนี้ได้ เป็นฐานที่มั่นสุดท้ายที่ต้องรักษาให้ได้
ด้วยสภาพวิกฤติที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ ซึ่งกระแสน้ำและมวลน้ำค่อยๆคลืบคลานยึดพื้นที่รังสิตและนนทบุรีชนิดที่หายใจรดต้นคอ(หอย)คนเมืองกรุงนี้ ย่อมทำให้คนกรุงเทพฯวิตกกังวลอย่างใจจดใจจ่อเป็นที่สุดว่า สุดท้ายแล้ว น้ำเหนือจะฝ่าด่านและสามารถบุกเข้ามายึดเมืองหลวงได้เมื่อไหร่
แน่นอนที่สุด เพราะความสำคัญอย่างยิ่งยวดของกรุงเทพฯ ที่มีฐานะเป็นเมืองหลวงและเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศ กรุงเทพฯจึงเป็นพื้นที่ที่วิตกกังวลสูงสุดและได้รับการปกป้องอย่างเต็มพิกัด ชนิดที่ไม่อาจยอมแพ้ต่ออุทกภัยในครั้งนี้ได้ เป็นฐานที่มั่นสุดท้ายที่ต้องรักษาให้ได้
ด้วยสภาพวิกฤติที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ ซึ่งกระแสน้ำและมวลน้ำค่อยๆคลืบคลานยึดพื้นที่รังสิตและนนทบุรีชนิดที่หายใจรดต้นคอ(หอย)คนเมืองกรุงนี้ ย่อมทำให้คนกรุงเทพฯวิตกกังวลอย่างใจจดใจจ่อเป็นที่สุดว่า สุดท้ายแล้ว น้ำเหนือจะฝ่าด่านและสามารถบุกเข้ามายึดเมืองหลวงได้เมื่อไหร่
สภาพและความวิตกทางจิตวิทยาเช่นนี้ ดูเหมือนไม่ต่างจากสภาพลางๆที่เกิดขึ้นเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน ในช่วงเวลาที่กรุงศรีฯกำลังถูกกองทัพพม่าบุกใกล้เข้ามาๆ สามารถตีเมืองหน้าด่านเมืองแล้วเมืองเล่าแตก จนในที่สุดกรุงศรีฯซึ่งเป็นเป้าหมายสุดท้ายก็แตก เราเสียกรุง กลายเป็น "ด้านมืด" ในประวัติศาสตร์ชาติไทย
เราเรียนรู้ด้วยความหดหู่ว่ากรุงศรีฯแตกถูกกองทัพพม่ายึดได้ถึงสองครั้งสองครา ส่วนสำคัญ หนึ่งไม่ใช่เพียงเพราะคนไทยขาดความสามัคคีเท่านั้น แต่คนไทยบางส่วนกลับยอมเป็นมิตรเป็นพวกเป็นไส้ศึกให้กับศัตรู
เช่นเดียวกับวิกฤติทางการเมืองในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาที่ร้าวลึกอย่างไม่เคยมีมาก่อน เป็นวิกฤติที่แยกแยะความสามัคคีในหมู่คนไทยออกเป็นชิ้นเป็นก้อน เป็นพวกเป็นเหล่าเป็นสีอย่างชัดเจน ชนิดที่เกิดไม่เกิดผลดีต่อประเทศชาติเลย
เช่นเดียวกับวิกฤติทางการเมืองในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาที่ร้าวลึกอย่างไม่เคยมีมาก่อน เป็นวิกฤติที่แยกแยะความสามัคคีในหมู่คนไทยออกเป็นชิ้นเป็นก้อน เป็นพวกเป็นเหล่าเป็นสีอย่างชัดเจน ชนิดที่เกิดไม่เกิดผลดีต่อประเทศชาติเลย
แต่อย่างน้อยที่สุด ในช่วงวิกฤติอุทกภัย ณ ลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษนี้ เราได้เห็นความสามัคคี ความช่วยเหลือและความเห็นอกเห็นใจระหว่างคนไทยด้วยกันจากทั่วทุกภาคเกิดขึ้นจริงๆ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เราได้เพียงพยายามเรียกร้องมาโดยตลอดว่า คนไทย(ต้อง)หัวใจเดียวกัน
อย่างน้อยที่สุด ภาพเหล่านี้เป็นภาพที่สวยงามยิ่งที่ค่อยๆชูช่อโผล่ให้เห็น คนไทยเราเริ่มมีความคิดและตระหนักว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ณ จุดหนึ่งของประเทศล้วนเป็นปัญหาร่วม เป็นความกังวลของคนทั้งประเทศร่วมกัน เพราะฉะนั้น น้ำท่วมภาคกลางก็ถือเป็นปัญหาของคนนราธิวาส ของคนเชียงราย ของคนอุบลฯและคนจังหวัดอื่นๆ เช่นกัน
อย่างน้อยที่สุด ภาพเหล่านี้เป็นภาพที่สวยงามยิ่งที่ค่อยๆชูช่อโผล่ให้เห็น คนไทยเราเริ่มมีความคิดและตระหนักว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ณ จุดหนึ่งของประเทศล้วนเป็นปัญหาร่วม เป็นความกังวลของคนทั้งประเทศร่วมกัน เพราะฉะนั้น น้ำท่วมภาคกลางก็ถือเป็นปัญหาของคนนราธิวาส ของคนเชียงราย ของคนอุบลฯและคนจังหวัดอื่นๆ เช่นกัน
เช่นเดียวกัน คนไทยควรจะต้องตระหนักว่า ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ตอนล่าง ปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับเขาพระวิหารทางด้านจังหวัดศรีษะเกส ปัญหาชนกลุ่มน้อยทางภาคเหนือ ปัญหาความหนาวเหน็บในเชียงราย ปัญหาความแห้งแล้งในอุดรธานีล้วนเป็นปัญหาร่วมของประเทศ ที่คนไทยทุกคนต้องกังวลต้องช่วยเหลือหยิบยื่นให้ราวกับเป็นปัญหาของตัวเอง
อุปมาเหมือนอาการบาดเจ็บที่นิ้วเท้า ที่หู ที่หัวเข่าหรือที่ตับ ล้วนแล้วแต่มีผลกระทบต่อร่างกายส่วนอื่นๆและต่อชีวิตของเราทั้งสิ้น หากเราไม่รักษาอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง ก็คงเป็นเรื่องไม่ง่ายนักที่เราจะสามารถรักษาชีวิตของเราให้เป็นปกติได้
ยีนไทยพลังไทย ใจอาสาทุกโมงยาม |
ณ เวลานี้ ธุระต้องใช่ ใจต้องอาสา |
แม้ในยามวิกฤติ เด็กยังยิ้มสู้ ยังมีหัวอกคำนึงถึงทุกชีวิต |
หนักแค่แรง แบ่งแค่ใจ ภัยแค่ไหน ไม่หนักหนา |
สองมือสองแรงแข็งขัน มิเคยยั่นเมื่อภัยมา |
หากภาพนี้เกิดขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีก่อน บางที อาจทำให้ กองทัพเรือฝรั่งเศสคิดสองรอบสามรอบก็เป็นได้ และบางที ประวัติศาสตร์ชาติไทยก็อาจจะเป็นอีกอย่างหนึ่งก็เป็นได้ |
แบ่งเบา แบ่งปัน คือความงามที่มนุษย์ต้องเรียนรู้ให้ติดตัว |
ในยามที่บ้านเมืองสงบศึก ปราศจากภัยคุกคามหรือการรุกรานจากอริราชศัตรู เรามักมีอารมณ์นิ่งมากพอที่จะผลิตความงามสุนทรีให้กับโลกได้ วัดวาอารามและวรรณคดีต่างๆ ส่วนใหญ่ล้วนถูกสร้างขึ้นถูกประดิษฐ์ขึ้นในสภาวะการณ์เช่นนี้
แม้ในยามวิกฤติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นี้ ธรรมชาติสอนให้เรามีความเป็นเข็มแข็งและมีความมนุษย์มากขึ้นเช่นกัน ท่ามกลางวิกฤติที่สาหัสสากรรจ์ อย่างน้อยที่สุด เราก็ได้เห็นด้านที่งดงามของคนไทย เป็นความงามที่มีพลังอย่างมหาศาล เหมือนเช่นที่เราเคยเห็นเป็นประจักษ์ในช่วงเวลาหลังเหตุการณ์ที่กรุงเทพฯถูกเผาถูกทำลายเมื่อปีที่แล้ว
อยากเห็นความงามเหล่านี้ฝังรากลึกและพัฒนากลายเป็นคาแรคเตอร์ของคนไทย เป็นยีนที่ถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นต่อๆไป
.
เหตุการณ์นี้ทำให้เห็นว่า เป็นเรื่องน่ายินดี ดีใจที่เห็นคนไทยสามัคคีกัน แต่เป็นเรื่องหน้าเศร้าที่ต้องเกิดเรื่องเลวร้ายต่อประเทศชาติทุกครั้งถึงจะดีกันได้
ตอบลบเราต้องผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้คะ เพราะ ถึงจุดวิกฤติจริงๆยังไงคนไทยก้อยอมที่จะเสียสละ ถ้าจะต้องยอมให้ กทม.ชั้นนอกท่วมเพื่อเป็นแก้มลิงรักษา กทม.ชั้นใน รักษาเขตเศรษฐกิจ เชื่อว่าเราทุกคนก็ยอมคะ
ก่อนหน้านี้เป็นอาสาสมัคร ไปช่วย ศปภ.มาเหมือนกัน คนที่มีจิตอาสามีมากคะ มาเหนื่อย มาสู้ด้วยกันตั้งแต่เช้า จดเย็น แต่ตอนนี้ กำลังจะผันตัวเองไปเป็นผู้ประสบภัยแล้วคะ เพราะแถวบ้านก้อ ปริ่มเต็มที่
สู้ๆคะประเทศไทย