โดยสถิติตัวเลขที่มีการบันทึก ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์
มากกว่าประเทศอื่นๆ และสึนามิก็เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่ใช้เรียกคลื่นยักษ์ที่สร้าง
ความเสียหายให้กับมนุษย์อย่างใหญ่หลวง เป็นธรรมชาติหมายเลขหนึ่งของโลก
ก็ว่าได้
โดยธรรมชาติแล้ว คลื่นยักษ์สึนามิคือคลื่นที่เกิดจากแผ่นดินไหว (seismic sea
waves) ใต้ท้องทะเล(submarine earthquake) ก่อให้เกิดคลื่นพายุหมุนหรือพายุ
ซัดฝั่ง (storm surge) ที่มีพลังมหาศาลเกินกว่าทีมนุษย์ต้านทานได้
มากกว่าประเทศอื่นๆ และสึนามิก็เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่ใช้เรียกคลื่นยักษ์ที่สร้าง
ความเสียหายให้กับมนุษย์อย่างใหญ่หลวง เป็นธรรมชาติหมายเลขหนึ่งของโลก
ก็ว่าได้
โดยธรรมชาติแล้ว คลื่นยักษ์สึนามิคือคลื่นที่เกิดจากแผ่นดินไหว (seismic sea
waves) ใต้ท้องทะเล(submarine earthquake) ก่อให้เกิดคลื่นพายุหมุนหรือพายุ
ซัดฝั่ง (storm surge) ที่มีพลังมหาศาลเกินกว่าทีมนุษย์ต้านทานได้
โดยทางภูมิศาสตร์แล้ว นับเป็นความโชคไม่ดีเป็นที่สุดของญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ในเขต
“วงแหวนแห่งไฟ”ซึ่งเป็นโซนที่มีมีการมุดตัว(slab)ของเปลือกโลก(subduction
zone) มากที่สุด มีผลทำให้เกิดแรงกดแรงดัน (strains) ใต้พื้นผิวโลกจนเกิด
แผ่นดินไหวได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตั้งอยูในเขตตรงกลางเกือบจะพอ
ดิบพอดีระหว่างรอยเลื่อนหรือร่องลึกซุนดะ (Sunda megatrench) และรอยเลื่อน
ซานแอนดริส (San Andreas Fault) ซึ่งเป็นเขตที่เกิดแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์
สึนามิรุนแรงที่สุดในโลก ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต่อภัยธรรม
ชาติเหล่านี้อยู่เสมอ
ในเขตอิทธิพลของรอยเลื่อนซุนดะนั้น เกาะสุมาตรา (Sumatra )ของอินโดนิเซีย
กลายเป็นเหยื่อรายใหญ่สุด โดยเฉพาะแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิหรือที่
เรียกในภาษาท้องถิ่นว่าคลื่นยักษ์สมัง (smong) ในปี 2547, 2548 และ 2550 ซึ่ง
รุนแรงสุดขีดในระดับ 8.5-9.2 ริกเตอร์ และเชื่อว่า การเกิดแผ่นดินไหวครั้งล่าสุด
ในเขตรัฐฉาน (Shan) ของพม่าที่ส่งผลสะเทือนต่อเขตภาคเหนือของไทยก็มี
ส่วนมาจากรอยเลื่อนนี้
ในขณะที่อิทธิพลของรอยเลื่อนซานแอนดริสก็ส่งผลที่รุนแรงไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน
โดยเฉพาะที่เกิดขึ้น ณ บริเวณอ่าวซานฟรานซิสโก (San Francisco Bay ) ในปี
2449 (7.8 ริกเตอร์) และ 2532 (6.9 ริกเตอร์) ส่วนการเกิดแผ่นดินไหวบริเวณแนว
แผ่นเปลือกโลกอเมริกาใต้ (South American Plate) ที่อยู่เชื่อมต่อกับรอยเลื่อน
ซานแดนดริสถือว่ารุนแรงที่สุดในโลก โดยเฉพาะการเกิดแผ่นดินไหวขนาด 9.5
ริกเตอร์ที่ชิลีในปี 2503 ซึ่งถือเป็นระดับ (scale) ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่มนุษย์เคย
ประสบ เป็นความบังเอิญที่มหาเมกะภัยนี้เกิดขึ้นในวันอาทิตย์ (Sunday) เช่น
เดียวกับที่เกิดขึ้นในแถบอ่าวอันดามันและสุมาตราในปลายเดือนธันวาคมปี 2547
ในขณะเดียวกัน แผ่นดินไหวที่รุนแรงครั้งล่าสุดในชิลีขนาด 8.8 ริกเตอร์เกิดขึ้น
ในวันเสาร์ (Saturday) ที่22 ก.พ. 2553 มีผลอย่างมหาศาลทำให้ตำแหน่งทาง
ภูมิศาสตร์ของกรุงซานติอาโก (Santiago ) ขยับเขยื้นเลื่อนไปทางตะวันตกอีก
11 นิ้วหรือประมาณ 27 เซ็นติเมตร
เช่นเดียวกับเขตแปซิฟิคใต้(South Pacific)ที่ต้องประสบกับเมกะภัยธรรมชาติที่
รุนแรงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะแผ่นดินไหวในโซโลมอน(Solomon) ในปี 2550,
ซามัว (Samoa) ในปี 2552 และล่าสุดที่เกาะใต้ South Island) ของนิวซีแลนด์
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
หากพลิกย้อนกลับไปดูหลักฐานทางธรวิทยาที่เก่าแก่ที่สุดพบว่าเคยเกิดแผ่นดิน
ไหวและคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อประมาณแปดพันปีก่อนในเขตรอยเลื่อนของชั้นหิน
ที่เรียกว่าสตอเลกก้า (Soregga) ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างสก๊อตแลนด์ (Scotland ) และ
สแกนดิเนเวีย (Scandinavia ) ถัดมาก็คือการเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟ
ระเบิดที่เกาะซานโตรินี (Santorini)ทางตอนใต้ของกรีซเมื่อประมาณสามพันปี
ที่แล้ว
ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มหาเมกะภัยธรรมชาติที่สร้างความหายนะแก่มนุษย์
อย่างใหญ่หลวงที่สุดเกิดขึ้นที่เมืองฉานซี (Shaanxi ) ของจีนเมื่อปี 2099 โดย
ประมาณการณ์ว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่าแปดแสนคน นอกจากนี้การเกิดแผ่นดิน
ไหวในซีเรีย (Syria ) ในปี 1681 และเกาะซิซีลี (Sicily ) ประเทศอิตาลีเมื่อปี
2451 จนมีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่าสองแสนคนนั้น ถือเป็นหายนะที่ร้ายแรงที่สุดที่เคย
เกิดขึ้นในตะวันออกกลางและยุโรป ตามลำดับ
สำหรับรัสเซียซึ่งถือเป็นประเทศหนึ่งที่เสี่ยงกับภัยธรรมชาติเช่นนี้ เหตุการณ์แผ่น
ดินไหวที่รุนแรงที่สุดขนาด 9.0 ริกเตอร์เกิดขึ้นในปี 2495 บริเวณเกาะเซวีโร-คูริลส์
(Severo-Kurilsk) ติดกับภาคเหนือของญี่ปุ่น
ในกรณีของญี่ปุ่นเอง หากชี้เฉพาะลงไปแล้วบริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวและคลื่น
ยักษ์สึนามิในระดับมหาเมกะภัยนั้นมักจะกระจุกตัวอยู่ในสองเขต เขตแรกอยู่ใน
บริเวณอ่าวซากามิ (Sagami) ใกล้กรุงโตเกียว และอ่าวซูรุกะ (Suruga) ใกล้กับ
ภูเขาไฟฟูจิ เมกะภัยที่รุนแรงที่สุดขนาด 7.9 ริกเตอร์ เกิดขึ้นที่คันโตเมื่อ 88 ปี
ถือว่ารุนแรงที่สุดในญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 20 ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติ
ศาสตร์ของญี่ปุ่นนับแสนคน และถึงแม้ว่าโกเบจะไม่ได้อยู่ในแนวรอยเลื่อนนี้
แต่การเกิดแผ่นดินไหวในปี 2538 ก็สร้างความเสียหายเป็นมูลค่ามหาศาลและ
เป็นภาพความเสียหายทางกายภาพที่ติดตาคนญี่ปุ่นมากที่สุดเหตุการณ์หนึ่ง
นับตั้งแต่นั้นมา ญี่ปุ่นเริ่มประกาศใช้หน่วยมาตรวัดความรุนแรงแบบใหม่ที่เรียกว่า
ชินโด (shindo) ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป
เขตที่สองคือเขตชายฝั่งซานริคึ (Sanriku) ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ
ประเทศ เป็นเขตที่มีระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวมากที่สุด โดยเฉพาะที่
เกิดขึ้นในปี 2439 (8.5 ริกเตอร์) 2476 (8.4 ริกเตอร์) และขนาด 9.0 ริกเตอร์ที่
เพิ่งเกิดขึ้นที่บริเวณเมืองเซนได (Sendai ) เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา นับ
เป็นครั้งที่ 7 (Seventh) ในรอบ 120 ปี ที่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเกินขนาด 8
ริกเตอร์ และเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในญี่ปุ่น จนประมาณการณ์
ว่ามหาเมกะภัยในครั้งนี้จะสร้างความเสียหายเป็นมูลค่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์
หนีตาย |
เขตที่สองคือเขตชายฝั่งซานริคึ (Sanriku) ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ
ประเทศ เป็นเขตที่มีระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวมากที่สุด โดยเฉพาะที่
เกิดขึ้นในปี 2439 (8.5 ริกเตอร์) 2476 (8.4 ริกเตอร์) และขนาด 9.0 ริกเตอร์ที่
เพิ่งเกิดขึ้นที่บริเวณเมืองเซนได (
เป็นครั้งที่ 7 (Seventh) ในรอบ 120 ปี ที่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเกินขนาด 8
ริกเตอร์ และเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในญี่ปุ่น จนประมาณการณ์
ว่ามหาเมกะภัยในครั้งนี้จะสร้างความเสียหายเป็นมูลค่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์
วันที่คลื่นยักษ์สึนามิถล่มเซ็นได |
เซนไดถือเป็นเมืองใหญ่ที่สุดที่อยู่ใกล้ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวครั้งนี้มากที่สุด
จึงมีการเรียกมหันตภัยธรรมชาติในครั้งนี้ว่าธรณีพิโรธเซนไดหรือสึนามิเซนได
และด้วยอิทธิพลของธรณีพิโรธที่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงติดต่อกันนานถึง 6(six)
นาทีจนทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิสูงกว่า 20 เมตรพัดถล่มเมืองเซนไดและเมือง
อื่นๆ ในวงกว้างหลายร้อยกิโลเมตร จนคนญี่ปุ่นทั้งประเทศเกิดอาการช๊อคอย่าง
คาดไม่ถึง (shell-shock) ว่าจะรุนแรงถึงขนาดนี้
คลื่นยักษ์สึนามิเดินหน้าหาปรานีใครไม่ |
สภาพของบ้านเรือนที่ถูกทำลายอย่างย่อยยับ มีผู้เสียชีวิตและสูญหายนับหมื่น
คนผู้รอดชีวิต (survivor)บางส่วนโชคดีเพราะส่งสัญญาณ “SOS” ขอความ
ช่วยเหลือ อีกจำนวนมากที่ต้องกระเสือกกระสน (scavenge) ประทังชีวิตด้วย
อาหารที่สามารถหาได้ด้วยความลำบาก ในขณะเดียวกัน ปฏิบัติการในการค้น
หา(search) ผู้รอดชีวิต ผู้เสียชีวิตและการกู้ภัยอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ
กองทัพญี่ปุ่น (Self-Defense Forces) เป็นหลัก โดยได้ รับความร่วมมือ
และช่วยเหลือจากนานาประเทศ
ธรณีนี่นี้พิโรธใคร? |
แต่เหมือนผีซ้ำด้ามพลอย อิทธิฤทธิ์ของแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิสร้าง
ความเสียหายให้แก่โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์บริเวณฟูคึชิมา-ไดอิชิอย่างหนักจน
ก่อให้เกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสี (ที่เชื่อว่าเป็นอันตรายต่อชีวิต)
จนทางการต้องยกระดับความรุนแรง (severity level)เกือบสูงสุดเพื่อเตือน
ภัยถึงอันตราย ถือเป็นวิกฤตินิวเคลียร์ครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของชาติญี่ปุ่น
นับตั้งแต่ระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมาและนาฮาซากิเมื่อปี 2488
ความเสียหายให้แก่โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์บริเวณฟูคึชิมา-ไดอิชิอย่างหนักจน
ก่อให้เกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสี (ที่เชื่อว่าเป็นอันตรายต่อชีวิต)
จนทางการต้องยกระดับความรุนแรง (severity level)เกือบสูงสุดเพื่อเตือน
ภัยถึงอันตราย ถือเป็นวิกฤตินิวเคลียร์ครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของชาติญี่ปุ่น
นับตั้งแต่ระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมาและนาฮาซากิเมื่อปี 2488
มหาเมกะภัยไม่เคยเลือกที่รักมักที่ชัง |
มีความพยายามจากหลายๆฝ่ายที่จะจัดการกับปัญหาการรั่วไหลดังกล่าวนี้ เพราะ
มิฉะนั้นแล้ว ก็อาจจะทำให้กลายเป็นภัยพิบัติด้านนิวเคลียร์ที่เลวร้ายที่สุดในรอบ
25 ปี นับตั้งแต่ครั้งเหตุกาณ์ที่เชอร์โนบิลในอดีตสหภาพโซเวียต(Soviet Union)
และไม่ว่าภารกิจนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่คนงานที่อาสา
ปฎิบัติภารกิจเสี่ยงตายในครั้งนี้ ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นฮีโร่ของชาติเป็น
ซามูไร (samurai) ยุคใหม่ผู้กล้าหาญสละชีพ (self-sacrifice) เพื่อความ
ปลอดภัยและประโยชน์ (sake) ของประเทศ
มิฉะนั้นแล้ว ก็อาจจะทำให้กลายเป็นภัยพิบัติด้านนิวเคลียร์ที่เลวร้ายที่สุดในรอบ
25 ปี นับตั้งแต่ครั้งเหตุกาณ์ที่เชอร์โนบิลในอดีตสหภาพโซเวียต(
และไม่ว่าภารกิจนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่คนงานที่อาสา
ปฎิบัติภารกิจเสี่ยงตายในครั้งนี้ ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นฮีโร่ของชาติเป็น
ซามูไร (samurai) ยุคใหม่ผู้กล้าหาญสละชีพ (self-sacrifice) เพื่อความ
ปลอดภัยและประโยชน์ (sake) ของประเทศ
ฮีโร่ซามูไรผู้เสี่ยงตาย |
ถึงแม้ว่า ปรากฏการณ์ “ซุเปอร์มูน” (Supermoon) ไม่ได้กระหน่ำซ้ำเติมให้
วิกฤติเลวร้ายไปมากกว่านี้ แต่การเผชิญกับมหาเมกะภัยจากแผ่นดินไหว สึนามิ
และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์พร้อมๆกัน ถือเป็นช่วงเวลาที่วิกฤติและลำบากยากเข็ญ
(suffering) ที่สุดในรอบ 66 ปี สำหรับดินแดนลูกพระอาทิตย์ (sun-origin)
แห่งนี้ สภาพความลำบากขัดสนของคนญี่ปุ่นในหลายๆส่วนของประเทศที่ได้รับ
ผลกระทบไม่ต่างจากยุคหลังสงครามโลกใหม่ๆ คนญี่ปุ่นไม่ต่ำกว่า 3 แสนคน
ต้องไปอาศัยอยู่ในศูนย์พักฟื้นชั่วคราว (shelter) เกิดภาวะขาดแคลน
(shortage) อาหาร น้ำดื่ม เครื่องสาธารณูปโภคอื่นๆ และกระแสไฟฟ้าเกือบ
ทั่วประเทศ ตลาดหุ้น (stock market) ของประเทศก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย
บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่างโซนี่ (Sony) ถึงกับต้องปรับเปลี่ยนวัฒนธรรม
การทำงานโดยกระตุ้นให้พนักงานเลิกงานตอนห้าโมงครึ่งและกลับบ้านเร็วขึ้น
การรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสีนอกจากจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย
(safety) ในการบริโภคภายในประเทศแล้ว สินค้าหลายๆประเภทโดยเฉพาะ
อาหารอาหาร (sea products) ก็ถูกสั่งห้าม (suspend) นำเข้าจากหลายๆ
ประเทศ ความวิตกกังวลและความกลัวยังขยายไปประเทศใกล้เคียงจนถึงกับทำ
ให้เกลือ (salt) และสาหร่ายทะเล (seaweed) ที่เชื่อว่าสามารถป้องกันสาร
กัมมันตภาพรังสีได้ขาดตลาด
ข้อเท็จจริงที่น่าเศร้าประการหนึ่งก็คือ มนุษย์เรายังไม่สามารถหยุดยั้งหรือป้อง
กันมหันตภัยธรรมชาติดังกล่าวนี้ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความร่วมมือและ
ไมตรีจิต (support) ตลอดจนความเห็นอกเห็นใจ (sympathy) และการ
ปลอบใจ (solace) ระหว่างเพื่อนมนุษย์ในยามวิกฤติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำ
มิตรน้ำใจและความช่วยเหลือจากประเทศที่มีความหลังฝังใจและความเกลียด
ชังฝังลึกอย่างจีนและเกาหลีใต้ (South Korea) อันเนื่องมาจากเหตุแห่ง
สงครามโลก นับเป็นครั้งแรกๆในรอบ66 ปีที่สาธารณชนทั้งในจีนและเกาหลีใต้
แสดงออกซึ่งท่าทีที่เป็นมิตรและความเห็นอกเห็นใจต่อชาวญี่ปุ่นอย่างจริงใจ
กันมหันตภัยธรรมชาติดังกล่าวนี้ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความร่วมมือและ
ไมตรีจิต (support) ตลอดจนความเห็นอกเห็นใจ (sympathy) และการ
ปลอบใจ (solace) ระหว่างเพื่อนมนุษย์ในยามวิกฤติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำ
มิตรน้ำใจและความช่วยเหลือจากประเทศที่มีความหลังฝังใจและความเกลียด
ชังฝังลึกอย่างจีนและเกาหลีใต้ (
สงครามโลก นับเป็นครั้งแรกๆในรอบ66 ปีที่สาธารณชนทั้งในจีนและเกาหลีใต้
แสดงออกซึ่งท่าทีที่เป็นมิตรและความเห็นอกเห็นใจต่อชาวญี่ปุ่นอย่างจริงใจ
บางที วิกฤติเซนไดในครั้งนี้ อาจจะเป็นโอกาสอันดียิ่งสำหรับญี่ปุ่นที่จะสร้าง
ความสมานฉันท์กับประเทศทั้งสองนี้อย่างจริงๆจังๆ
ความสมานฉันท์กับประเทศทั้งสองนี้อย่างจริงๆจังๆ
ในขณะเดียวกัน คนญี่ปุ่นก็ได้สร้างความประทับใจให้แก่ชาวโลกได้ประจักษ์
ในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน(solidarity) ความมีระเบียบวินัยและนิ่งสงบใน
ภาวะที่ต้องประสบกับมหาวิกฤติเช่นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงสปิริต (spirit) ที่แท้
จริงของคนญี่ปุ่นอย่างชนิดที่ไม่มีภัยธรรมชาติไหนหรือวิกฤติใดทำลายล้างได้
ในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน(solidarity) ความมีระเบียบวินัยและนิ่งสงบใน
ภาวะที่ต้องประสบกับมหาวิกฤติเช่นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงสปิริต (spirit) ที่แท้
จริงของคนญี่ปุ่นอย่างชนิดที่ไม่มีภัยธรรมชาติไหนหรือวิกฤติใดทำลายล้างได้
คนญี่ป่นยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เคยพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สามารถสร้าง
ความมหัศจรรย์และร่วมกันพลิกฟื้นชาติของตัวเองจากชาติผู้แพ้สงครามให้
กลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจได้อย่างน่าทึ่ง
ความมหัศจรรย์และร่วมกันพลิกฟื้นชาติของตัวเองจากชาติผู้แพ้สงครามให้
กลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจได้อย่างน่าทึ่ง
หลังวิกฤติเซนได คนญี่ปุ่นยุคใหม่จะต้องพิสูจน์ให้โลกได้เห็นอีกครั้งหนึ่งว่า
สามารถสร้างความมหัศจรรย์ได้อีกครั้งหนึ่ง
สามารถสร้างความมหัศจรรย์ได้อีกครั้งหนึ่ง
แนะนำบทความในแนวใกล้เคียง
- "มหัศจรรย์ศัพท์แสงตัวอาร์(ถรรพ์): รหัสลับจาก Red สู่ Reconciliation"
http://preechayana.blogspot.com/2010/07/red-reconciliation.html
- "ศัพท์แสงตัวอาร์กับความขัดแย้งและการสมานฉันท์: จาก Red สู่ Reconciliation "
.http://preechayana.blogspot.com/2010/07/red-reconciliation_05.html
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น