12 มีนาคม 2559

มหัศจรรย์แห่งเลสเตอร์ ซิตี้ คือ โอกาสดีๆของไทยแลนด์

.
               สำหรับแฟนลูกหนังทั่วโลก ณ พ.ศ.นี้ ต้องถือว่าชื่อ "เลสเตอร์ ซิตี้" ถูกกล่าวถึงมากที่สุดชื่อหนึ่งในวงการโลกฟุตบอล ในฐานะทีมที่กำลังสร้างชื่อและปรากฏการณ์มหัศจรรย์ในวงการฟุตบอลของเกาะอังกฤษ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ เป็นเพียงทีมฟุตบอลเล็กๆทีมหนึ่งที่ไม่ได้มีประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่เป็นตำนานถ่ายทอดเล่าขาน มีฐานะเป็นเพียงแค่ "ใบเฟิร์น" ประดับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษเท่านั้น   

               แล้วความสำเร็จของเลสเตอร์ ซิตี้ที่ประจักษ์แจ้ง ณ เวลานี้ จะสามารถนำมาใช้เป็นโมเดลสร้างประโยชน์อย่างไรได้บ้างให้กับประเทศไทย ตัวอย่างความสำเร็จของมาเลเซียในช่วงเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมาน่าจะเป็นแนวทางให้ข้อคิดแก่รัฐบาลไทยได้เป็นอย่างดี
 


               สำหรับมาเลเซียแล้ว ภาคการท่องเที่ยวมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศและระบบเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง    ตัวเลขล่าสุดเมื่อปี 25015 มาเลเซียมีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 2.1 ล้านล้านบาท (ใกล้เคียง กับเป้าหมายของประเทศไทยในปี 2016) เป็นแหล่งดูดเงินตราต่างประเทศเข้าคลังมากที่สุดเป็นอันดับ 3 หรือประมาณ 16 เปอร์เซ็นต์ของรายได้จากต่างประเทศทั้งหมด

               ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลมาเลเซียจึงให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเป็นอย่างมากและพยายามใช้แคมเปญต่างๆ ทุกรูปแบบ เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเยือนมาเลเซียเพิ่มมากขึ้นๆ โดยวางเป้าหมายว่า ภายในปี 2020 (ซึ่งเป็นปีที่มาเลเซียคาดหวังจะมีฐานะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว) มาเลเซียจะมีรายได้จากภาคการท่องเที่ยวมากกว่า 3 ล้านล้านบาทและจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 36 ล้านคน

               กลยุทธ์ที่สำคัญหนึ่งของรัฐบาลมาเลเซียก็คือการประกาศแคมเปญปีแห่งการท่องเที่ยว              ภายใต้แผน การตลาด "Visit Malaysia Year 2014" รัฐบาลตั้งเป้าไว้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนมาเลเซีย 28 ล้านคน โดยเฉพาะการทำแคมเปญผ่านเกมฟุตบอล

 

               ในปี 2011 ซึ่งเป็นปีแรกที่เริ่มกลยุทธโปรโมทภาพพจน์และการท่องเที่ยวของประเทศผ่านเกมกีฬาฟุตบอล  มาเลเซียโชคดีที่มีนักธุรกิจหมื่นล้านของตัวเองเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลในอังกฤษถึงสองทีมคือคาร์ดิฟ ซิตี้ และ ควีนปาร์ค แรงเจอร์ จึงเปิดโอกาสให้รัฐบาลและภาคเอกชนทุ่มทุนเป็นสปอนเซอร์  โดยสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์และสายการบินแอร์เอเซียร่วมเป็นสปอนเซอร์หลักของสโมสรควีนปาร์ค แรงเจอร์(ขึ้นชั้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2011-2012) และการท่องเที่ยวมาเลเซียทุ่มทุนเงิน 3 ล้านปอนด์(ประมาณ 160 ล้านบาท) เป็นสปอนเซอร์ของสโมสรคาร์ดิฟ ซิตี้ (ที่ขึ้นชั้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2013-2014) ทำให้ชื่อ "Malaysia" เริ่มผ่านสายตาแฟนๆลูกหนังทั่วทั้งเกาะอังกฤษเป็นครั้งแรกๆ       ผลสำเร็จหนึ่งของแคมเปญผ่านเกมฟุตบอล ทำให้ช่วงปี 2012-2014 มาเลเซียมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวจากอังกฤษเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะปี 2014 มีตัวเลขนักท่องเที่ยวอังกฤษ 4.4 แสนคนตามเป้าหมายเพิ่มสูงขึ้นถึง 7.8 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านั้น
 
               การเลือกใช้กลยุทธ์เชิงรุกในรูปแบบใหม่ผ่านเกมฟุตบอลดังกล่าว ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงเฉพาะในอังกฤษเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงฟุตบอลลาลีก้าของสเปนซึ่งถือเป็นลีกที่ดีที่สุดในโลกลูกหนัง  โดยการท่องเที่ยวมาเลเซียเลือกทีมเซบิย่าเป็นหัวหอกแคมเปญเปิดตลาดสเปนและยุโรปอื่นๆ


 
               เซบิย่าไม่ได้เป็นทีมยักษ์ใหญ่ในวงการฟุตบอลสเปน แต่อาจจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับรัฐบาลมาเลเซียที่จะเจรจาตกลงเป็นสปอนเซอร์ระยะสั้นเฉพาะในช่วงแคมเปญปีการท่องเที่ยว โดยเซบิย่าเริ่มเปิดตัวในชุดเสื้อที่มีโลโก้ "Visit Malaysia 2014" ปรากฏแก่สายตาแฟนลูกหนังกระทิงดุเป็นครั้งแรกในนัดที่แข่งกับทีมยักษ์ใหญ่อย่างรีล แมดริด ซึ่งมีแฟนๆหลายร้อยล้านคนทั่วโลกติดตามชมในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2014



               แต่แมชท์ที่เชื่อกันว่าสร้างมูลค่าการตลาดให้กับแคมเปญ  "Visit Malaysia 2014" เป็นอย่างมาก ก็คือนัดชิงชนะเลิศรายการการยูเอฟ่า ยูโรป้าลีคที่เซบิย่าสามารถเอาชนะเบนฟิก้าคว้าแชมป์มาครองได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร

               ถึงแม้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจากสเปนจะมีเพียงแค่หลักหมื่นเมื่อเทียบกับหลักครึ่งล้านจาเกาะอังกฤษ แต่การเป็นสปอนเซอร์ทีมเซบิย่าก็ส่งผลบวกอย่างทันตาเห็น ตัวเลขนักท่องเที่ยวจากสเปนตลอดทั้งปี 2014 เพิ่มถึง 35 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2013 ถือเป็นอัตราการเพิ่มสูงที่สุดในกลุ่มเป้าหมาย long-haul market หรือตลาดเส้นทางระยะไกล

               ทั้งนี้ มีเหตุปัจจัยสำคัญที่ทำให้เชื่อว่า ตัวเลขความสำเร็จของปีการท่องเที่ยวจากการดำเนินกลยุทธ์ผ่านเกมฟุตบอลทั้งในอังกฤษและสเปนจะมีเพิ่มมากขึ้นกว่านี้อย่างแน่นอน หากว่าในปี 2014 มาเลเซียไม่โชคร้ายประสบเหตุโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ถึงสองเหตุการณ์ นั่นคือเที่ยวบินของมาเลเซียแอร์ไลน์ประสบเหตุหายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อต้นเดือนมีนาคม และก็ถูกยิงกลางอากาศขณะบินผ่านเหนือน่านฟ้าของยูเครนในเดือนกรกฏาคม

               ดังนั้นความสำเร็จของมาเลเซียในการใช้กลยุทธ์โปรโมทประเทศผ่านเกมฟุตบอลดังกล่าว น่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่ประเทศไทยจะได้ประยุกต์ปรับใช้  โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้กำลังจะสร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นในวงการลูกหนังของอังกฤษ เป็นเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยให้กับไทยแลนด์เป็นอย่างยิ่ง มากยิ่งกว่ามาเลเซียเสียอีก ชนิดที่ทำให้การท่องเที่ยวมาเลเซียต้องอิจฉาน้ำตาไหล

               ในด้านหนึ่ง ถึงแม้ว่าเลสเตอร์ ซิตี้จะเป็นทีมเล็กๆ ไม่ได้มีคลาสหรือประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่เป็นตำนานให้เล่าขาน ไม่ต่างจากคาร์ดิฟ ซีตี้หรือควีนปาร์ค แรงเจอร์ของมหาเศรษฐีมาเลเซีย   แต่ในอีกด้านหนึ่งที่แตกต่างอย่างมหาศาล  เลสเตอร์ ซิตี้ซึ่งมีมหาเศรษฐีคนไทยเป็นเจ้าของคือทีมที่มีฟอร์มดีที่สุด ด้วยผลงานที่น่าทึ่งเกินความคาดหมาย และกลายเป็นทีมนำอันดับหนึ่งในตารางพรีเมียร์ลีกในปัจจุบันนี้

                 เวลานี้ เลสเตอร์ ซิตี้กลายเป็นทีมที่ถูกพูดถึง ได้รับความสนใจและถูกจับตามองมากที่สุดว่า จะสามารถฝ่าอุปสรรค "Mission Impossible" แห่งโลกลูกหนัง สร้างปาฏิหารย์จนคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ได้หรือไม่

               ด้วยผลงานที่(ดี)เกินคาดของทุกๆคน ส่งผลทำให้เลสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นจุดสนใจของแฟนบอลทั่วโลกกว่า 700 ล้านคนใน 80 ประเทศที่หันมาเฝ้าติดตามชมแมทช์ถ่ายทอดสด รวมทั้งสื่อกีฬาทุกฉบับ เรียกว่าเพราะผลงานดีเลิศถึงขั้นมหัศจรรย์เช่นนี้ จึงทำให้ข่าวสารของเลสเตอร์ ซิตี้ปรากฏยู่ส่วนบนสุดของหน้ากีฬหนังสือพิมพ์และสื่อกีฬาออนไลน์โดยอัตโนมัติ ไม่ใช่กรอบเล็กๆหรือส่วนล่างๆเหมือนเช่นในอดีต

               นี่คือทุนทางการตลาดอันมหาศาล และนี่คือโอกาสทองครั้งสำคัญ(ที่อาจจะมีเพียงแค่ครั้งเดียว) ที่สามารถสร้างคุณปการให้แก่ประเทศไทยได้ไม่น้อย โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน





               รัฐบาลไทยโดยเฉพาะกระทางการท่องเที่ยวและกีฬาควรถือโอกาสนี้เจรจาแบบเร่งด่วนกับเจ้าของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้(ซึ่งอยู่ในวิสัยที่สามารถทำได้) ขอความร่วมมือและลงทุนเป็นสปอนเซอร์(เฉพาะช่วงโค้งสุดท้ายนี้)  ซื้อพื้นที่บนเสื้อทีมเลสเตอร์ ซิตี้ รวมทั้งภายในสนามและรถบัสประจำทีม เพื่อโปรโมทภาพพจน์และการท่องเที่ยวของประเทศ  คำสั้นๆง่ายๆเช่น "Love Thailand" หรือ "Visit Thailand" ที่จะปรากฏผ่านสายตาผู้คนทั้งเกาะอังกฤษและอีกหลายร้อยล้านคนทั่วโลกในช่วงโค้งสุดท้ายนี้จะให้ผลที่คุ้มค่าอย่างมหาศาล คุ้มค่ายิ่งกว่าการเป็นสปอนเซอร์ทีมยักษ์ใหญ่  คุ้มค่ายิ่งกว่าที่มาเลเซียเคยประสบความสำเร็จ และคุ้มค่ายิ่งกว่าการทุ่มเทโปรโมทผ่านนักเทนนิสระดับโลกอย่างเทียบกันไม่ได้





               ณ ชั่วโมงนี้ กับคะแนนที่นำทีมอันดับสองถึง 5 แต้มและเหลือการแข่งขันอีกเพียง 7 นัด ไคล์แม๊กซ์ความสนใจในทีมเลสเตอร์ ซิตี้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นๆ คนทั้งเกาะอังกฤษและส่วนอื่นๆของโลกฟุตบอลกำลังรอลุ้นรอเชียร์ว่า ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อถึงกลางเดือนพฤษภาคมนี้ ทีมเล็กๆอย่างเลสเตอร์ ซิตี้จะสร้างปาฏิหารย์ให้เกิดขึ้นได้สำเร็จหรือไม่

               แน่นอนที่สุดว่า มหัศจรรย์ของทีมเจ้าของฉายา "เดอะฟ๊อกซ์" หรือที่คนไทยเรียกขานว่า "จิ้งจอกสยาม" ทีมนี้ก็คือโอกาสทองที่ดีที่สุดสำหรับไทยแลนด์ 

               อย่าปล่อยให้โอกาสดีๆเช่นนี้หลุดลอยไป

.
.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มอเตอร์ หรือ สติกเกอร์

เมื่อตอนที่ Real Madrid ทีมดังในสเปนตัดสินใจขาย Claude Makelele ให้กับทีม Chelsea แล้วซื้อ David Beckham มาแทนที่ในช่วงกลางปี 2003 ปรา...