วันที่ 11 พฤศจิกายนนี้แล้วที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกจะอ่านคำพิพากษาตัดสินกรณีพิพาทพระวิหาร อาจต้องเรียกว่าเป็นวันประวัติศาสตร์ที่สำคัญวันหนึ่งของคนไทยยุคปัจจุบันก็ว่าได้
หลายๆคนหลายๆฝ่ายต่างก็พยายามวิเคราะห์ถึงแนวทางหรือโอกาสความเป็นไปได้ที่ศาลโลกจะตัดสินออกมา ทั้งนี้ มีเหตุมีราวบางประการที่ทำให้คาดการณ์
(และภาวนา)ว่า คำตัดสินน่าจะออกมาในรูป "หยวน-หยวน"
แรกสุดก็คือการพิจารณาเหตุการณ์วันสำคัญของกัมพูชาเมื่อเสาร์ที่
9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพราะวันนี้ถือเป็นวันที่สำคัญที่สุดของเพื่อนบ้านเราทางตะวันออก
นั่นคือ เป็นวันชาติหรือเป็นวันแห่งอิสรภาพวันที่ได้ประกาศความเป็นอิสระจากฝรั่งเศส ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ปีนี้เป็นวันครบ 60 ปีพอดิบพอดี
จึงยิ่งความสำคัญมากขึ้น
ในการคิดคำนวณของผู้นำกัมพูชา
คงจะไม่มีอะไรยอดเยี่ยมไปกว่าการเฉลิมฉลองวันสำคัญที่สุดเยี่ยงนี้ด้วยความรู้สึกภูมิใจและชัยชนะ
อนาคตความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาขึ้นอยู่กับผู้พิพากษาเหล่านี้ |
หากรัฐบาลกัมพูชาทราบผลระแคะระคายล่วงหน้าว่า
ศาลโลกจะตัดสินในแนวทางที่จะเป็นคุณเป็นประโยชน์ต่อกัมพูชามากที่สุดแล้ว กัมพูชา(โดยความช่วยเหลือของกลุ่มประเทศFrancophonie ที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาหลัก?) คงหาทางผลักดันในศาลโลกอ่านคำพิพากษาวันใดวันหนึ่งก่อนจะถึงวันที่ 9
พฤศจิกายนเป็นแน่
หรือเป็นเพราะว่า
ผลคำตัดสินไม่ได้เป็นไปในแนวทางตามที่ฮุนเซ็นวาดหวังต้องการทั้งหมด
จึงต้องการหรือร้องขอ(ผ่านทางฝรั่งเศส)ให้ศาลโลกนัดอ่านคำตัดิสนหลังพ้นวันชาติไปแล้ว
นอกจากนี้
ในวันเฉลิมฉลองวันชาติเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้ ดูเหมือนว่า body language ของฮุนเซนไม่ได้สะท้อนให้เห็นว่าชนะแน่นอนจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่
สอง ดูเหมือนว่า The chemistry of power ของ
"ทักษิณ-ฮุนเซน" ที่แนบแน่นและเกื้อกูลซึ่งกันและกันมาโดยตลอดนั้น
เริ่มฉายแววของปัญหา เป็นปัญหาที่น่ากังวลวิตกเป็นที่สุดในชีวิตการเมืองของผู้นำทั้งสองคนก็ว่าได้ เรียกว่า ทั้งสองกำลังประสบกับแรงกดดันแรงต่อต้านทางการเมืองในบ้านที่หนักหนาที่สุดจนอาจจะกลายเป็นจุดเปลี่ยน
หรือกระทั่งเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบตามที่สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ก็เป็นได้
ในช่วงปีพ.ศ. 2505
เราเชื่อว่า การที่ผู้พิพากษาอาร์เจนติน่าโหวตให้แก่ฝ่ายไทยนั้นส่วนสำคัญหนึ่งก็เป็นผลเนื่องมาจากการล๊อบบี้ของพลเอกชาติชาย
ชุณหะวัณที่มีตำแหน่งเป็นเอกอัครราชทูตประจำบัวโนสไอเรส ณ เวลานั้น
เพราะคำตัดสินในกรณีพระวิหารที่ออกมา
"หยวน-หยวน" นั่นคือฝ่ายกัมพูชาได้เพียง
0.7 ตารางกิโลเมตร(หรือใกล้เคียง)ตามแผนที่ของฝ่ายตน
และฝ่ายไทยไม่ต้องสูญเสียพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร จะเป็นเหมือน
"อ๊อกซิเจน"
ช่วยชีวิตทางการเมืองของคุณทักษิณและฮุนเซนที่กำลังโคม่าอยู่ ณ เวลานี้
หากผลคำตัดสินออกมาเป็นลบต่อประเทศไทย
ก็เหมือนกับการโยนระเบิดปรมาณูใส่คุณทักษิณและพรรคเพื่อไทยแบบเต็มๆ
แนบแน่น |
หากผลคำตัดสินเป็นบวกเต็มๆสำหรับกัมพูชา
ก็อาจะทำให้ฮุนเซนเจอแรงกดดันจากสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านที่กำลังทรงพลังในกัมพูชา ณ
เวลานี้ เป็นแรงกดดันที่อาจเรียกร้องให้ฮุนเซนหันมาจัดการกับปัญหาการลุกล้ำดินแดนกัมพูชาทางฝั่งตะวันตกโดยฝีมือของเวียดนามต่อ
จึงอาจจะเป็นเหตุให้เชื่อว่า
ผู้นำทั้งสองคงต้องพยายามในทุกวิถีทางเพื่อให้คำตัดสินออกมา "หยวน-หยวน" ที่พอยอมรับกันได้
(หรือจำใจต้องยอมรับ)
สาม
หากพิจารณาอ่านคำสัมภาษณ์คำแถลงล่าสุดของผู้นำทั้งสองประเทศแล้วทำให้คาดการณ์ได้มากขึ้นว่า
จะออกมาแบบ “หยวน-หยวน”
พล.อ.เตีย บัน
รัฐมนตรีกลาโหมของกัมพูชาสัมภาษณ์อ้างอิงฮุน
เซนที่มีคำสั่งถึงหน่วยงานต่างๆให้ทำความเข้าใจกับคนกัมพูชาว่า
"ไม่ว่าคำสั่งของศาลโลกจะตัดสินออกมาอย่างไรคนกัมพูชาก็จะต้องยอมรับด้วยเช่นกัน"
ซึ่งอาจจะตีความได้ว่าคนกัมพูชาต้อง(ทำใจ)ยอมรับผลคำตัดสินที่อาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่ต้องการทั้งหมด?
ในขณะที่คำแถลงล่าสุดส่วนหนึ่งของนายกฯยิ่งลักษณ์
ความว่า
"ไม่ว่าผลของคำตัดสินของศาลโลกจะออกมาเป็นเช่นไร
ไทยและกัมพูชาจะต้องเจรจาหารือกันเพื่อให้ได้ข้อยุติที่เป็นที่ยอมรับได้ของทั้งสองฝ่าย"
หากถอดความระหว่างบรรทัด
หมายความว่า ศาลอาจจะตัดสินให้ทั้งสองประเทศไปดำเนินการเจรจาภายใต้กรอบทวิภาคีกันเอง
เว้นเสียแต่ว่า Francophonie (ภายใต้แรงสนับสนุนของปารีส?)จะกลายเป็นปัจจัยที่ทรงพลังและช่วยกันผลักดันทำให้ผลคำตัดสินออกมาเป็นประโยชน์ต่อกัมพูชามากที่สุด
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น