4 มิถุนายน 2554

อเมริกันขาลง

.


สหรัฐฯเป็นชาติหนึ่งที่ผู้คนคลั่งไคล้กีฬาประเภทต่างๆ เป็นอย่างมาก เรียกว่า คนอเมริกันส่วนใหญ่หายใจเข้าออกเป็นกีฬาก็ว่าได้

ใน ช่วงยุคสงครามเย็น สหรัฐฯใช้เกมกีฬาเป็นสํญญลักษณ์หนึ่งในการต่อสู้กับฝ่ายคอมมิวนิสต์ โดยเฉพาะในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูร้อน  สหรัฐฯให้ความสำคัญและพยายามเกือบทุกวิถีทางเพื่อครองตำแหน่งเจ้าเหรียญทอง ให้ได้

เมื่อสงครามเย็นสิ้นสุดลง ศักยภาพทางกีฬาของกลุ่มประเทศ(อดีต)คอมมิวนิสต์หลายๆประเทศลดลง สหรัฐฯจึงกลายเป็นมหาอำนาจเจ้าเหรียญทองโอลิมปิคอย่างค่อนข้างจะสะดวกสบาย กว่าเดิม

แต่ในทางกลับกัน กีฬาหลายๆประเภทที่คนอเมริกันคลั่งใคล้ ชื่นชอบและถือเป็นสัญญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ของชาติ กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ตกต่ำอย่างน่าวิตก

สหรัฐฯเป็นชาติ เกิดใหม่ที่มีประวัติศาสตร์เพียงสองร้อยกว่าปี บรรพบุรุษของคนอเมริกันสร้างชาตินี้ขึ้นมาจากศูนย์ และด้วยสองมือที่ค่อยๆ ก่อร่างสร้างชาติจนทำให้สหรัฐฯเป็นมหาอำนาจที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดใน ปัจจุบันนี้

อาจจะเพราะเป็นชาติที่สร้างด้วยสองมือเปล่า นี้เอง ที่ทำให้ "มือ" ของคนอเมริกันมีลักษณะพิเศษ เป็นยีนที่ถ่ายทอดสู่คนรุ่นแล้วรุ่นเล่า และทำให้คนอเมริกันถนัดหรือเก่งกาจในกีฬาทีต้องใช้มือมากเป็นพิเศษ

หากจะไล่เรียงกีฬาที่คนอเมริกันชื่มชอบและคลั่งไคล้มากที่สุด ส่วนใหญ่แล้วเป็นเกมกีฬาที่ต้องใช้มือเป็นหลัก โดยเฉพาะเกมกีฬาที่สหรัฐฯ เป็นผู้คิดค้น เช่น อเมริกันฟุตบอล บาสเก็ตบอล เบสบอลและฮ็อคกี้น้ำแข็ง รวมไปถึงกีฬาประเภทอื่นๆที่ได้รับความนิยมมากๆ คือเทนนิส กอล์ฟและมวย

คน อเมริกันถือว่าการเป็นสุดยอดในเวทีโลกกีฬาคือสัญญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ของ สหรัฐฯ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นหมายเลขหนึ่งหรือเป็นแชมป์โลกในกีฬาเทนนิส กอล์ฟ มวยรุ่นยักษ์ รวมทั้งเจ้าลมกรด 100 เมตร ซึ่งนักกีฬาของสหรัฐฯเป็นเต้ยมาเนิ่นนาน

แต่ในวันนี้ ไม่มีนักกีฬาอเมริกันคนใดที่อยู่ในจุดสูงสุดของกีฬาทั้งสี่ประเภทนี้ เป็นเรื่องน่าอับอายหรือว่าเป็นเรื่องปกติของวัฏจักรแห่งโลกความจริงที่มี ขึ้นมีลง(?)

เทนนิสถือเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ประเภทหนึ่งในสหรัฐฯ มีคนอเมริกันกว่า 20 ล้านคนที่เล่นเทนนิสและอีกหลายสิบล้านคนที่ติดตามเทนนิสรายการต่างๆ  ช่วงเวลา 25 ปีนับตั้งแต่ปี 1974 ถือเป็นยุคทองของวงการเทนนิสสหรัฐฯก็ว่าได้ เพราะเป็นยุคที่นักเทนนิสชายของสหรัฐฯโดดเด่นเหลือหลาย เหนือนักเทนนิสชาติอื่นๆ  ซุปเปอร์สตาร์มือหนึ่งระดับโลกอย่างจิมมี คอนเนอร์,  จอห์น แมคเอนโรจิม คูเรียส์, พิส แซมพราส, อังเดร อากัสซี่ รวมกระทั่งไมเคิล ชางและแอนดี้ ร็อคดิก ช่วยกันกวาดช่วยกันคว้าแชมป์รายการแกรนด์สแลมรวมกันแล้วกว่า 44 รายการ


จิมมี่ คอนเนอร์สเก่งกาจครบเครื่องอย่างหาใครเสมอ
เหมือนไม่ได้ ทั้งประเภทชายเดี่ยว ชายคู่และคู่ผสม
จอห์น แม็คเอนโร นักเทนนิสจอมโวที่สร้าง
สีสันให้กับโลกเทนนิสอย่างเหลือหลาย 

สุดยอดนักเทนนิสที่เซ๊กซี่ที่สุด - อังเดร อากัสซี่

พีท แซมพราส นักเทนนิสที่เก่งที่สุด
ในประวัติศาสตร์ของวงการเทนนิสสหรัฐฯ

แอนดี้ ร็อคดิกกับตำแหน่งแชมป์ยูเอส โอเพ่น
แชมป์มาสเตอร์แชมป์แรกและแชมป์สุดท้ายของนักเสริฟพลังช้าง 

มาร์ดี ฟิช มือหนึ่งของสหรัฐฯคนปัจจุบันที่แทบจะไม่มีใครรู้จัก


พิท แซมพราสได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเทนนิสที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ เทนนิสสหรัฐฯ เพราะสามารถสร้างสถิติคว้าแชมป์สูงสุดถึง 14 รายการ (ก่อนที่จะถูกโรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ทำลายสถิตินี้) เมื่อตอนที่แซมพราสคว้าแชมป์ยูเอสโอเพ่นในปี 2002 ซึ่งถือเป็นรายการแชมป์สุดท้ายแล้ว วงการเทนนิสของสหรัฐฯ ต่างก็มีความหวังว่า ร๊อดดิกคือนักเทนนิสคนต่อไปที่จะสร้างความยิ่งใหญ่ให้แก่วงการเทนนิสชายของ สหรัฐฯ

การคว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่นของร็อดดิกในปี 2003 จุดประกายให้คนอเมริกันเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า นับตั้งแต่นั้นมา ก็ไม่เคยมีนักเทนนิสอเมริกันคนใดคว้าแชมป์ในรายการเมเจอร์แกรนด์สแลมใดๆได้ อีกเลย เป็นช่วงเวลาที่โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์, ราฟาเอล นาดาล และโนวัค ยอโควิชยึดครองบัลลังค์โลกเทนนิสชายอย่างเด็ดขาด  เรียกว่าเป็นช่วงเวลา 8 ปีแห่งความน่าผิดหวังเป็นที่สุดสำหรับวงการเทนนิสของสหรัฐฯ 

โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ นักเทนนิสชาวสวิสที่ได้รับการ
ยกย่องว่าเก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกมกีฬาเทนนิส

ราฟาเอล นาดาล มือหนึ่งของโลก
คนปัจจุบันจากสเปน
โนวัค ยอโควิชนักเทนนิสเซอร์เบียที่มี
โอกาสก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของโลกคนต่อไป

อันดับเอทีพีล่าสุด พบว่ามีนักเทนนิสอเมริกันเพียงสองคนเท่านั้นที่อยู่ใน 20 อันดับแรก คือมาร์ดี ฟิช (อันดับ 9) และร็อดดิก(อันดับ 10) ทั้งสองคนอยู่ในช่วงขาลงที่ไม่อาจจะสร้างปาฏิหารย์ใดๆได้อีกแล้ว แม้กระทั่งฟิชเองก็ถือเป็นนักเทนนิสหมายเลข 1 ของสหรัฐฯที่โลกเทนนิสรู้จักน้อยที่สุดก็ว่าได้ เมื่อเทียบกับนักเทนนิสรุ่นพี่คนอื่นๆ

เชื่อว่า อีกหลายปีกว่าที่บรรดาดาวรุ่งอเมริกันจะจรัสแสงทวงบัลลังค์ความยิ่งใหญ่นี้กลับคืนมา

สภาพ การณ์ของแชมป์มวยรุ่นเฮฟวิเวทในวันนี้ก็ไม่ต่างจากวงการเทนนิสสักเท่าไหร่  เพราะเป็นอีกสังเวียนหนึ่งที่นักกีฬาของสหรัฐฯ(เคย)ครองความยิ่งใหญ่เกรียง ไกรเหนือชาติอื่นๆ สหรัฐฯผลิตแชมป์เปี้ยนโลกรุ่นเฮฟวิเวทที่ยิ่งใหญ่คนแล้วคนเล่ามากกว่าทุกๆ ชาติ เรียกได้ว่า แชมป์มวยยักษ์เป็นของคู่กับสหรัฐฯอย่างไรอย่างนั้น

วงการมวยโลกรู้จักชื่อของมูฮัมหมัด อาลีร็อคกี มาร์เซียโนโจ หลุยส์จอร์จ ฟอร์แมนโจ ฟาร์ เซียลาร์รี โฮล์ม, ไมค์ ไทสัน และอีวานเดอร์ โฮลิฟิลด์เป็นอย่างดี สุดยอดมวยยักษ์เหล่านี้ได้ร่วมกันผลัดมือสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับวงการมวย ยักษ์ของสหรัฐฯอย่างเกรียงไกรไร้เทียมทานติดต่อกันกว่า 50 ปี

มูฮัมหมัด อาลี สุดยอดมวยยักษ์ตลอดกาล

จอร์จ ฟอร์แมนในวัย 40 ที่ยังไม่ห่างหายจากสังเวียน

ลาร์ลี่ โฮล์ม "สิงห์รถบรรทุก"

ไมค์ ไทสันสุดยอดมวยยักษ์ที่ตัวเล็กที่สุด 

อีวานเดอร์ โฮลิฟิลด์นักมวยยักษ์คนแรกที่ถูกกัดหูบนสังเวียน


แต่ในรอบหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมานับตั้งแต่โฮลิฟิลด์เป็นแชมป์โลกแล้ว ก็ไม่มีนักมวยอเมริกันคนไหนที่สามารถสร้างชื่อสร้างเสียงเทียบเท่ารุ่นพี่ๆ ได้เลย  จอห์น หลุยซ์, ฮาซิม ลาห์มาน, คริส เบิร์ด หรือกระทั่งแชนน่อน บริกก์สซึ่งเป็นแชมป์โลกคนล่าสุด(ท้าย) ของสหรัฐฯ ในปี 2008 ก็เป็นแชมป์โลกรุ่นยักษ์ที่ขาดซึ่งบารมี ชื่อเสียงและเสน่ห์ แทบจะไม่เป็นที่รู้จักของวงการมวยโลก

เรียกได้ว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯได้สูญเสียตำแหน่งที่น่าภาคภูมิใจนี้ไปอย่างน่าเศร้า ไม่มีนักมวยยักษ์คนไหนที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่วงการมวยสหรัฐฯได้เลย และคงเป็นเรื่องยากที่จะหานักมวยยักษ์อเมริกันคนใดที่กล้าหาญชาญชัยโค่นล้ม สุดยอดฝีมือสองศรีพี่น้องยูเครน แชมป์โลกคนล่าสุดอย่างวิตาลี่ คลิทช์โก และวลาดิเมียร์ คลิทช์โกในเวลานี้ได้

โลกมวยยักษ์ภายใต้กำปั้นของสองศรีพี่น้องตระกูล
คลิทช์โกที่เป็นก้างขวางคอของมวยยักษ์อเมริกัน
นักมวยยักษ์อเมริกันคนแล้วคนเล่า
ที่ตกเป็นเหยื่อบนเวทีของวิตาลี่ คลิทช์โก 
วลาดิเมียร์ คลิทช์โกไม่เคยปรานีนักมวยยักษ์อเมริกันคนใด

เมื่อพูดถึงวงการกรีฑาแล้ว คนอเมริกันเคยภาคภูมิใจและมีความหวังมาโดยตลอดว่า สหรัฐฯคือเจ้าลมกรดทั้งในประเภท 100 เมตร และวิ่งผลัด 4x100 เมตรในกีฬาโอลิมปิกนับตั้งแต่ยุคของคาร์ล    ลูอิสที่เริ่มสร้างชื่อตั้งแต่ปี 1984 เป็นต้นมา  ถึงแม้ในบางครั้ง อาจจะพลาดหวังไม่ได้แชมป์ แต่นักวิ่งของสหรัฐฯเกรียงไกรและมีโอกาสลุ้นเหรียญทองและลุ้นตำแหน่งสุดยอด มนุษย์ลมกรดอยู่เสมอ
           


ในช่วงเวลาที่คาร์ล ลูอิสสร้างความภูมิใจให้กับคนอเมริกัน
คาร์ล ลูอิสผู้มากความสามารถเป็นทั้ง
เจ้าลมกรดและเจ้ากระโดดไกล

ไทสัน เกย์เจ้าของสถิติ "9.69" เป็นลมกรด
อเมริกันที่วิ่งเร็วที่สุด 

มอริส กรีน เจ้าลมกรดโลกในยุค 1997-2004

แต่ในวันนี้ คนอเมริกันไม่มีโอกาสได้ลุ้นใดๆได้เลย นับตั้งแต่โลกได้ประจักษ์ในความมหัศจรรย์ของนักวิ่งชาวจาร์ไมก้าที่ชื่อยู เซน โบลท์ผู้สร้างชื่อพิชิตเหรียญทองในการแข่งขันโอลิมปิคปี 2008


ข้าชื่อยุเซน โบลท์ (Usain Bolt) ไม่ใช่ ยูเอสเอ อิน โบลท์ (USA in Bolt)
  
ความห่างชั้นหลายก้าวระหว่างยูเซน โบลท์และลมกรดคนอื่นๆ 

สถิติโลก "9.58" ที่ทำให้ยูเซน โบลท์กลาย
เป็นมนุษย์ที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก(ตลอดกาล?)

ความเก่งกาจเหลือคณาของยูเซน โบลท์ที่ยัง
เป็น เจ้าของสถิติโลก 200 เมตรอีกตำแหน่ง

โบลท์สร้างสถิติโลกเป็นนักวิ่งลมกรดที่วิ่งเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ ของมนุษยชาติก็ว่าได้ เป็นเจ้าของสถิติ 9.58 (วินาที)ที่เหลือเชื่อ

เป็น เรื่องยากหรืออาจจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีนักวิ่งคนไหนสามารถทำลายสถิตินี้ ได้ ความมั่นใจที่ถดถอยลงไปอย่างมากของนักวิ่งคนอื่นๆ ทำให้ยูเซน โบลท์กลายเป็นเจ้าลมกรดที่ไร้เทียมทานไปอีกหลายปี

และ ตราบใดที่โบลท์ยังสมบูรณ์และสามารถวิ่งได้แบบนี้แล้ว นักวิ่งสหรัฐฯคนอื่นๆคงต้องถอดใจไม่กล้าท้าชิง ทวงตำแหน่งเจ้าบัลลังค์ลมกรดโลกแน่ๆ และด้วยวัยเพียง 25 ปี โบลท์อาจจะสามารถข่มรัศมีนักวิ่งลมกรดของสหรัฐฯ ไปได้อีกหลายปี เรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่วงการกรีฑาสหรัฐฯต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรมอย่าง ช่วยไม่ได้จริงๆ
ไทเกอร์ วูดส์นักกอล์ฟที่ได้รับยกย่องว่า
เก่งกาจด้วยฝีมือและพรสวรรค์มากที่สุด
ในประวัติศาสตร์ของเกมกีฬาประเภทนี้

วงสวิงของไทเกอร์ วูดส์ที่บดบังรัศมีนักกอล์ฟคนอื่นๆกว่าทศวรรษ


ลุค โดนัลด์โปรกอล์ฟชาวอังกฤษมือหนึ่งของโลกคนปัจจุบัน



ลี เวสวูดโปร์กอล์ฟชาวอังกฤษมือสองของโลกคนปัจจุบัน

สัญญาณแห่งฝันร้ายของคนอเมริกันกำลังเกิดขึ้นกับวงการกอล์ฟ(?) เพราะสัญญาณ "ขาลง" ของไทเกอร์ วูดส์ ดูเหมือนจะค่อยๆชัดเจนยิ่งขึ้น ไทเกอร์ วูดส์ได้ชื่อว่าเป็นนักกอล์ฟที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของกีฬาประเภทนี้ ครองความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมามากกว่า 10 ปี เป็นทศวรรษที่วงสวิงของวูดส์ครองโลกกรีน แต่ความล้มเหลวในชีวิตครอบครัวกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ วูดส์ไม่เหมือนวูดส์คนเดิม     และอาจจะไม่ใช่ไทเกอร์ วูดส์ที่ไร้เทียมทานบนกรีนหญ้าอีกต่อไปก็เป็นได้(?)

บาง ที หากหมดยุคของไทเกอร์ วูดส์จริงๆ แล้ว โอกาสสำหรับโปรกอล์ฟจากฟากยุโรปมากขึ้น และตำแหน่งมือหนึ่งของโลกก็คงตกอยู่ในมือของนักกอล์ฟอีกฝั่งหนึ่งของ แอตแลนติกมากขึ้นด้วย เหมือนเช่นที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้

นับเป็นสิ่งที่น่าสนใจน่าติดตามว่า สุดท้ายแล้ว วงการกอล์ฟของสหรัฐฯจะประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับเทนนิส มวยยักษ์และเจ้าลมกรดหรือไม่




.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มอเตอร์ หรือ สติกเกอร์

เมื่อตอนที่ Real Madrid ทีมดังในสเปนตัดสินใจขาย Claude Makelele ให้กับทีม Chelsea แล้วซื้อ David Beckham มาแทนที่ในช่วงกลางปี 2003 ปรา...