20 พฤษภาคม 2554

วัยของผู้นำ วัย 40something

.



ประเทศไทยกำลังจะมีนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ในอีกสองเดือนข้างหน้า ถ้าหากไม่เป็นคนเก่าคนเดิมก็ต้องเป็นคนใหม่อย่างแน่นอน  คุณสมบัติที่สำคัญอันดับแรกสุดที่สังคมไทยคาดหวังก็คือความเป็นคนดี คือเป็นคนดีทั้งทางกฏหมายและเป็นคนดีทางศิลธรรม   ในมุมมองของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ผู้นำควรจะต้องเป็นใครสักคนหนึ่งที่ "พิเศษ" กว่าคนธรรมดาทั่วไป ต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญๆหลายๆ ประการ

หนึ่งในข้อนั้นก็คือ "ต้องเป็นคนหนุ่ม อายุสัก 45 ปี จะได้มีพลังกายเข้มแข็ง สู้งานได้ 18 ชั่วโมงต่อวัน ควรเป็นคนสายตาแหลมคม มีวิจารณญาณดี รู้จักวินิจฉัยสิ่งต่างๆ โดยตลอดอย่างทั่วถึงถ้วนทุกแง่มุม ทั้งในด้านที่ผลจะเกิดขึ้นภายในบ้านเมืองเอง และในความสัมพันธ์ระหว่างชาติ" 

ดูเหมือนท่านคึกฤทธิ์จะไม่เชื่อในทฤษฏี "มะม่วงบ่มแก๊ส" สักเท่าไหร่ แต่กลับมองเห็นเป็นด้านบวกว่า มะม่วงหากว่าดิบหากอ่อนเกินไปราคาก็ไม่ดีนัก หากแก่สุกเกินไปราคาก็จะตก เพราะฉะนั้น เลยวัยดิบแต่ยังไม่ถึงวัยสุกหง่อมคือ "มะม่วง" ทีดีเป็นธรรมชาติที่สุด

ความเห็นเรื่องอายุนี้ ดูเหมือนจะสอดคล้องต้องกันกับมาร์กาเร็ต "สตรีเหล็ก" แธตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งให้น้ำหนักในเรื่องนี้ค่อนข้างมาก และเชื่อว่า สุขภาพพลานามัยดีเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดสำหรับคนที่จะเป็นผู้นำ เพราะสุขภาพที่ดีจะทำให้คุณสมบัติข้ออื่นๆ มีประสิทธิภาพงอกงามตามไปด้วย


มาร์กาเร็ต "สตรีเหล็ก" แธตเชอร์ในวัย 56 ปีเมื่อเข้า
รับตำแหน่งผู้นำของประเทศในปี 2522



ความเชื่อของอดีตผู้นำทั้งสองคนที่สอดคล้องกันโดยบังเอิญนี้ ตรงกับสุภาษิตอิตาลี่ที่ว่า "Mens Sana in Corpore Sano" หมายถึง จิตนิรามัยในกายนิรามัย นั่นคือเชื่อว่า สุขภาพกายส่งผลต่อสุขภาพใจ  สุขภาพใจที่ดีจะอยู่ในบุคคลที่สุขภาพกายดีด้วย  เพราะฉะนั้น การประสานสอดคล้องระหว่างสุขภาพใจและสุขภาพกาย(มัก)จะก่อให้เกิดประสิทธิภาพของความเป็นผู้นำด้วย โดยเฉพาะการตัดสินใจ ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่สำคัญมากๆ สำหรับผู้นำ


"Mens Sana in Corpore Sano" ไม่ได้หมาย
ความถึง ก้ามเนื้อคือบ่อเกิดของก้ามสมอง

อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์เป็น "คนเหล็ก" แต่เพียงร่างกาย
แต่ไม่ได้เป็น "บุรุษเหล็ก" ในฐานะผู้ว่าการรัฐแคลิเฟอร์เนีย(?)


โดยธรรมชาติแล้ว คนวัย "40something" ที่อยู่ในช่วงเลข 4 ย่อมมีสุขภาพที่แข็งแรงกว่าคนวัย "60something"  และนั่นหมายถึงว่า การมีพลังกายที่เข้มแข็งสู้งานได้ 18 ชั่วโมงต่อวัน ไม่ใช่คนป่วยคนขี้โรค

แต่คุณสมบัติ "40something" เพียงอย่างเดียวก็ย่อมไม่เพียงพอไม่ได้เป็นหลักประกันว่า คนๆนั้นจะเป็นผู้นำที่ดีได้ หากว่าปราศจากซึ่งสายตาที่แหลมคม ขาดซึ่งวิจารณญาณดี และไม่รู้จักวินิจฉัยสิ่งต่างๆ โดยตลอดอย่างทั่วถึงถ้วนทุกแง่มุม ทั้งในด้านที่ผลจะเกิดขึ้นภายในบ้านเมืองเองและในความสัมพันธ์ระหว่างชาติ เพราะคุณสมบัติเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งยวด 


สองผู้นำมหาอำนาจโลกในวัย "40something"


ผู้นำหลายๆคนที่อยู่ในวัย "40something" อย่างเช่น ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่าแห่งสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนแห่งอังกฤษ และอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ แต่ยังไม่สามารถพิสูจน์ฟันธงได้อย่างแน่นอนว่า นี่คือตัวอย่างของผู้นำที่ประสบความสำเร็จ(?)


ในวัย "40something" นี่คือสองว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 28 


มีความเป็นไปได้ว่า นายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศไทย จะอยู่ในช่วง "40something" เป็นคุณสมบัติร่วมที่ว่าที่ผู้นำไทยคนต่อไปมีเหมือนกัน แต่คุณสมบัติความเป็นผู้นำข้ออื่นๆนั้น ที่ต่างคนต่างมีดีมีเด่นแตกต่างกัน เป็นปัจจัยสำคัญยิ่งสำหรับการก้าวสู้ความเป็นผู้นำที่ต้องจารึกในประวัติศาสตร์ 

ไม่ใช่เพียงแค่เป็นผู้นำที่ได้ชื่อว่าหนุ่มเฟ้อที่สุดหรือสาวปิ้งที่สุดเท่านั้น


.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มอเตอร์ หรือ สติกเกอร์

เมื่อตอนที่ Real Madrid ทีมดังในสเปนตัดสินใจขาย Claude Makelele ให้กับทีม Chelsea แล้วซื้อ David Beckham มาแทนที่ในช่วงกลางปี 2003 ปรา...