7 กรกฎาคม 2557

ตำนานนายทวารบราซิล :-ฮีโร่ - ซี่โร่

.

กลายเป็นฮีโร่ชองชาวบราซิลไปในทันทีสำหรับจูลิโอ ซิซาร์ ผู้รักษาประตูบราซิลเลี่ยน ที่สามารถเซฟลูกจุดโทษได้ถึง 2 ประตู จนทำให้ทีมชาติบราซิลเอาชนะชิลีไปได้แบบหัวใจแทบจะแตกสลาย ผ่านทะลุเข้าไปสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายแบบหัวใจจะวายตายกันทั้งประเทศ เรียกว่า จูลิโอ ซิซาร์ เซฟบราซิลจากหายนะก็ว่าได้ 

 นอกเหนือจากเกม 120 นาทีที่ต่อด้วยการดวลจุดโทษตัดสินชี้ขาดผู้ชนะในสนามแล้ว เรื่องราวของจูลิโอ ซิซาร์ นายทวารร่างยักษ์สะท้อนให้เห็นมุมต่างๆในวงการฟุตบอลบราซิลอย่างน่าสนใจชนิดที่แฟนๆลูกหนัง(ไทย)ส่วนใหญ่ไม่รู้ ไม่สนใจหรือมองข้ามไป  








โดยข้อเท็จจริงที่น่าทึ่งแล้ว บราซิลสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกถึง 5 สมัยมากกว่าใครๆในปฐพี เป็นประเทศที่ผลิตนักฟุตบอลระดับโลกในตำแหน่งต่างๆ มากกว่าที่ประเทศอื่นๆจะสามารถทำได้ ตั้งแต่ยุคเปเล่ในปี 1958 ส่งผ่านต่อไปยังยุคซิโก้ในช่วงทศวรรษ 1980 จนถึงเนย์มาร์ในปัจจุบันนี้ เป็นนักเตะระดับโลกทั้งที่เป็นบราซิลผิวขาวและบราซิลผิวสีใน(เกือบ)ทุกๆตำแหน่ง 


ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจชวนแปลกประหลาดใจก็คือว่าบราซิลไม่เคยผลิตนายทวารระดับเวิร์ลคลาสถึงขั้นเป็นตำนานลูกหนังโลกเลย ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ตำแหน่งผู้รักษาประตูคือภาพสะท้อนถึงปัญหาทางสังคมอย่างหนึ่งในบราซิลได้เป็นอย่างดี  ที่ดำรงต่อเนื่องมานานกว่า 6 ทศวรรษ 

ในสังคมของประเทศที่ใหญ่ที่สุดในลาตินอเมริกาประเทศนี้ ฟุตบอลเป็นความฝันของเด็กทุกๆคนก็ว่าได้ แต่ละคนฝันอยากเป็นเปเล่ เป็นซิโก้ เป็นริวัลโด เป็นโรนัลโด เป็นกาก้า  แต่แทบจะไม่มีใครหรือเด็กคนไหนฝันอยากจะเป็นนายทวารทีมชาติเลย
 
เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นย้อนหลังเมื่อปี 1950 ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกระหว่างเจ้าภาพบราซิลกับอุรุกวัย แชมป์ฟุตบอลโลกสมัยแรก ในเกมวันนั้น ฝูงชนบราซิลเลี่ยนแห่แหนกว่าสองแสนคนทะลักเข้าไปสู่สนามมะราคาน่าราวกับมั่นใจและต้องการจะมีส่วนร่วมฉลองแชมป์แรกของประเทศด้วยตนเอง




ว่ากันว่านอกเหนือจากแฟรงค์ สิเนตร้า ตำนานนักร้องดัง และโป๊บ จอห์นปอลที่ 2 ประมุขแห่งวาติกัน แล้ว นาม “Alcides Ghiggia” คือคนที่ 3 ที่สามารถทำให้ฝูงชนในสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ เวลานั้นเงียบสนิทเป็นป่าสากได้ เพราะ Alcides Ghiggia คือผู้ยิงประตูชัยทำให้ประเทศเล็กๆอย่างอุรุกวัยเอาชนะประเทศที่ใหญ่ที่สุดในลาตินอเมริกาอย่างบราซิล 2-1 ได้เป็นแชมปโลกสมัยที่ 2 (ในรอบ 20 ปี)

กับความพ่ายแพ้ในวันนั้น ผู้คนในบราซิลต่างชี้นิ้วไปที่นักเตะผิวสี 3 คน และที่โดนหนักที่สุดก็คือบาร์โบซ่า ผู้รักษาประตู   บาร์โบซ่ากลายเป็นแพะที่รับบาปหนักหนาที่สุด กลายเป็นชื่อกลายเป็นตำนานที่เด็กบราซิลผิวสีรุ่นแล้วรุ่นเล่าถูกบอกกล่าว เล่าขานว่าคือคนที่ทำให้คนบราซิลทั้งประเทศร้องไห้ในปี 1950







จากครั้งหนึ่งที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลกคนหนึ่ง กับกลายเป็นแพะที่ต้องรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ที่บราซิลมีต่ออุรุกวัยเพียงคนเดียว เปลี่ยนแปลงแปลงชีวิตของบาร์โบซ่าผู้รักษาประตูที่ไม่ชอบใส่ถุงมือคนนี้ไปทั้งชีวิต บาร์โบซ่าเปรียบตัวเองเหมือนติดคุกนานกว่าครึ่งศตวรรษจนกระทั่งวันสิ้นลมหายใจเพราะไม่เคยได้รับการอภัยจากคนบราซิล ชื่อ“บาร์โบซ่า” ถูกผูกเชื่อมให้หมายถึงความพ่ายแพ้ไปอย่างน่าเศร้าใจแทน

นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เด็กบราซิลผิวสีเติบใหญ่ขึ้นมาด้วยความเข้าใจว่า (จะ)เป็นอะไรก็ได้เว้น
แต่อย่าเป็น บาร์โบซ่าคนใหม่    จึงไม่เป็นที่สงสัยเลยว่า ทำไมตำแหน่งผู้รักษาประตูทีมชาติจึงไม่มีนักเตะผิวสีที่โดดเด่นเลยติดต่อกันยาวนานกว่า 56 ปี จนกระทั่ง เนลสัน ดิด้าก้าวผ่านเข้ามาเป็นนายทวารทีมชาติชุดฟุตบอลโลกปี 2006 และถึงแม้จะจุดประกายทำให้เด็กบราซิลผิวสีหันมาสนใจตำแหน่งผู้รักษาประตูเพิ่มขึ้น(อีกนิด) แต่บราซิลก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จใดๆ


ดิด้า


หลังจากนั้น ฟุตบอลโลกปี 2010 บราซิลก็ต้องหันกลับมาใช้บริการของนายทวารผิวขาวอีกครั้งนาม จูลิโอ ซิซาร์ และล่าสุด (ที่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับเขา)ในปี 2014 ด้วยความเชื่อว่า บราซิลจะไม่มีโอกาสคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในบ้านของตัวเอง(หรือในที่ไหนๆ) หากมีนายทวารเป็นบราซิลเลี่ยนผิวสี
เพราะสถิติแชมป์โลก 5 สมัยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า บราซิลต้องมีผู้รักษาประตูเป็นผิวขาวเท่านั้นจึงจะมีดวงแชมป์




.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มอเตอร์ หรือ สติกเกอร์

เมื่อตอนที่ Real Madrid ทีมดังในสเปนตัดสินใจขาย Claude Makelele ให้กับทีม Chelsea แล้วซื้อ David Beckham มาแทนที่ในช่วงกลางปี 2003 ปรา...