24 เมษายน 2557

Arsène Who? - Moyes Why?

.


พลันที่บอร์ดผู้บริหารของสโมสรอาร์เซนอลประกาศแต่งตั้งอาร์แซง เวงเกอร์เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ในปี 1996 ก็ได้ก่อให้เกิดคลื่นกระแสช๊อกไปทั่วสนามไฮบิวรี่อย่างไม่มีใครอยากเชื่อกับหู (แต่อยากเห็นกับตา)
หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น Evening Standard ประจำกรุงลอนดอน ถึงกับพาดหัวข่าวว่า Arsène Who?” ในเชิงปรามาสว่า อาร์แซงเป็นใครกัน? หรือว่าจะมาจากกอไผ่?






หนักกว่านั้น ก็คือปฏิกิริยาของกัปตันทีมโทนี่ อาดัมส์ที่สบถได้อย่างเจ็บแสบในวันแรกๆ ว่า “Who the f**** is he?” เรียกว่าไม่มีความรู้สึก first impression หรือความประทับใจในตัวผู้จัดการทีมคนใหม่เอาเสียเลย ในสายตาของโทนี่ อาดัมส์ แล้ว อาร์แซงตัวผอมสูงแถมยังใส่แว่นตาเสียอีก ดูมีบุคลิกเป็นคุณครูมากกว่าจะเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล ไม่น่าจะรู้เรื่องเกมลูกหนังสักเท่าไหร่

ในยุคสมัยนั้น การใช้บริการกูเกิลเพื่อเสาะหาประวัติโปร์ไฟล์ชื่อ “Arsène Wenger” เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แฟนๆปืนใหญ่ และเหล่าบรรดานักเตะรวมทั้งสื่อมวลชนอังกฤษต่างพากันประหลาดใจและวิตกกังวลว่า ผู้บริหารกำลังเล่นเกมเสี่ยงและนำพาสโมสรไปลงหุบเหว?
แต่ สุดท้ายแล้ว แวงเกอร์ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าทุกคนคิดผิดกันหมด ผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศสที่มีดีกรีปริญญาทางด้านวิศวกรรมศาสตร์และ เศรษฐศาสตร์คนนี้สร้างเกียรติประวัติพัฒนาให้อาร์เซนอลก้าวขึ้นมาอีกหลาย ขั้นหลายระดับ ปฏิวัติระบบความคิดและการบริหารทีมฟุตบอลอย่างก้าวกระโดด  กลาย เป็นยุคทองของสโมสรอย่างแท้จริง  
ในฤดูกาลแรกของอาแซง แวงเกอร์  อาร์เซนอลได้อันดับ 3 ในตารางลีก หลังจากนั้น ในฤดูกาลที่ 2 จนถึงฤดูกาลที่ 18 ในปัจจุบันนี้  อาร์เซนอลจบฤดูกาลในตำแหน่งท๊อบโฟร์ถึง 17 ฤดูกาล ผ่านเข้าไปเล่นในแชมป์เปี้ยนลีกถึง 16 ฤดูกาลติดต่อกัน





ยิ่งไปกว่านั้น แวงเกอร์ได้สร้างเกียรติประวัติอันเกรียงไกรสุดๆด้วยการพาอาร์เซนอลคว้าดับ เบิ้ลแชมป์ถึงสองสมัย แชมป์พรีเมียร์ลีกสามสมัย และสร้างตำนาน The Invincibles แบบไม่แพ้ให้กับทีมใดเลยติดต่อกัน 49 นัดเป็นประวัติศาสตร์ 
ถึง แม้ว่า ในปัจจุบันนี้ อาร์เซนอลไม่ได้แชมป์อะไรเลยติดต่อกันมาเป็นฤดูกาลที่ 8 แต่ผู้บริหารรวมทั้งบรรดานักเตะและแฟนบอลก็ยังเชื่อมั่นในตัวของอาแซง แวงเกอร์ว่านี่คือ The Best One ตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว  ชนิดที่ไม่มีใคร(ในปี 1996 ) จะคาดคิดได้ว่า อาร์แซง แวงเกอร์จะสามารถพาทีมอาร์เซนอลมาได้ไกลถึงขนาดนี้
แตกต่างจากกรณีของเดวิด มอยส์ที่เพิ่งโดนปลดออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมของปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดชนิดไม่มีอะไรเซอร์ไพรซ์
ชื่อของเดวิด มอยส์ต้องถือว่าไม่ได้โนเนมอย่างแน่นอนสำหรับวงการฟุตบอลอังกฤษ เพราะรับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมของสโมสรเอฟเวอร์ตันในพรีเมียร์ลีกติดต่อกันถึง 11 ปี ด้วยผลงานที่ต้องถือว่าติดตาน่าประทับใจ(ระดับหนึ่ง)
แต่พลันที่สโมสรประกาศแต่งตั้งเดวิด มอยส์ให้เข้ามารับตำแหน่งสุดยอดปรารถนาสำหรับผู้ จัดการทีมทั่วโลกตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปีที่แล้ว  ก็เกิดคำถามแผ่ซานไปทั่วเกาะอังกฤษและภาคพื้นทวีปยุโรปในทำนองว่า “Moyes Why?”
ทำไม ทำไม ทำไม ต้องเป็นเดวิด มอยส์????????
เป็นคำถาม ทำไม ที่สมเหตุสมผลอย่างแน่นอน
หาก ย้อนกลับไปพิจารณากรณีของอาแซง แวงเกอร์แล้ว จะเห็นว่า ถึงแม้จะถูกปรามาสต่างๆนานา แต่อย่างน้อยที่สุด ผู้จัดการชาวฝรั่งเศสคนนี้บินเหินฟ้าเข้ามาสู่สโมสรอาร์เซนอลด้วยเกียรติ ประวัติ 2 แชมป์กับสโมสรโมนาโกในฝรั่งเศสและ2 แชมป์สโมสรนาโกย่า แกรมปัส เอตของญี่ปุ่น






หรือแม้กระทั่งกรณีของยอดโค๊ชชาวโปรตุเกสนามโฮเซ่ มิรินโญ่ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดทีมเชลซีครั้งแรกเมื่อปี 2004 ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก  เพราะถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางหรือหวือหวาในวงการฟุตบอลเมืองผู้ดีมากนัก แต่อย่างน้อยที่สุด CV ใบประวัติของโฮเซ่ มิรินโญ่ก็เป็นยันต์กันผีได้เป็นอย่างดี ด้วยเกียรติประวัติถึง 6 แชมป์ในช่วงระยะเวลาเพียง 2 ฤดูกาลที่คุมสโมสรเอฟซี ปอร์โตในโปรตุเกส โดยเฉพาะตำแหน่งแชมป์ยูเอฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกที่ไม่ธรรมดาเอาเลย  ย่อมทำให้บรรดานักเตะอาวุโสและแฟนๆของเชลซีต้องเกรงใจ และยอมรับว่าเป็น The Special One จริงๆ โดยไม่ต้องมีคำอธิบายมากมาย
เพียงแค่ฤดูกาลแรก  โฮเซ่ มิรินโญ่ก็สร้างชื่อและพิสูจน์ให้เห็นทันตาด้วยการคว้าดับเบิ้ลแชมป์อย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน และทำให้เชลซีได้แชมป์พรีเมียร์ลีกแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี พร้อมทั้งสร้างสถิติทำแต้มได้สูงสุดถึง 95 แต้มในหนึ่งฤดูกาลที่ยังไม่มีทีมไหนทำลายได้
ใน ทางตรงกันข้าม เดวิด มอยส์เดินทางมาโอลด์แทรฟฟอร์ดเพื่อรับทำหน้าที่ต่อจากเซอร์อเล๊ก เฟอร์กูสันแบบมือเปล่าไม่มีเกียรติประวัติหรือถ้วยแชมป์ใดๆที่สามารถเรียก ความเชื่อมั่นศรัทธาจากบรรดานักเตะปีศาจแดงที่ลิ้มรสแห่งชัยชนะและสารพัด แชมป์มากันแบบไม่ขาดสาย
แม้กระทั่งตัวเซอร์อเล๊ก เฟอร์กูสันเอง ก่อนที่จะได้รับการทาบทามให้มากอบกู้แมนฯยูไนเต็ดในปี 1986 นั้น ก็ไม่ได้มาแบบบุญช่วย แต่มาพร้อมเกียรติประวัติเต็มมือ สร้างผลงานอย่างลือลั่นพาสโมสรอเบอร์ดีน ทีมระดับกลางๆในลีกของสก๊อตแลนด์ให้ก้าวผงาดบดบังรัศมีของยักษ์ใหญ่กลาสโกว์ แรงเยอร์และกลาสโกว์ เซลติคอย่างน่าประทับใจเป็นที่สุด ด้วยเกียรติประวัติ 11 แชมป์ โดยเฉพาะแชมป์ลีกสก๊อตติสพรีเมียร์ 3 สมัย แชมป์ยูเอฟ่าคัพวินเนอร์คัพ และแชมป์ยูเอฟ่าซูเปอร์คัพ 





แน่นอนที่สุดว่า เซอร์อเล๊ก เฟอร์กูสันมีส่วนมีบทบาทสำคัญมากๆในการแต่งตั้งเดวิด มอยส์ให้สืบทอดตำแหน่งหน้าที่ต่อ  และตระหนักดีกว่า ถึงแม้จะไม่เคยประสบความสำเร็จนำพาเอฟเวอร์ตันคว้าแชมป์ใดๆเลยตลอดช่วงระยะเวลา 11 ปีที่คุมบังเหียน  แต่อย่างน้อยที่สุด เอฟเวอร์ตันภายใต้การคุมทีมของเดวิด มอยส์ก็จบทุกฤดูกาลในตำแหน่งท๊อปเท็นได้อย่างน่าทึ่งหรือไม่ต้องเผชิญกับภาวะหนีการตกชั้น ทั้งๆที่มีงบประมาณอย่างจำกัดจำเขี่ยมากๆ 
  
นอกจากนี้ ในความคิดของเซอร์อเล๊กและบอร์ดผู้บริหาร อาจจะพิจารณาศึกษากรณีของเป๊บ กวาร์ดิโอลาด้วยก็เป็นได้  เพราะก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมบาร์เซโลน่าในช่วงปี 2008   นั้น เป๊บไม่มีประสบการณ์เลยก็ว่าได้ เรียกว่าด้อยกว่าเดวิด มอยส์เสียอีก สุดท้าย เป๊บก็สร้างความยิ่งใหญ่พาบาร์เซโลน่าคว้าสารพัดแชมป์ ได้รับการยกย่องให้เป็นทีมฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกโดไม่มีข้อโต้แย้ง
ถ้าเป๊บ กวาร์ดิโอลาทำได้  แล้วทำไมเดวิด มอส์จะทำไม่ได้
ยิ่ง ไปกว่านั้น เดวิด มอยส์มีประวัติดี ยืนทน ไม่ทิ้งงานหรือชอบย้ายสโมสรบ่อยๆ ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญาของสโมสรที่ต้องการเสถียรภาพและความต่อเนื่องในระยะ ยาวไม่ต้องการเห็นผู้จัดการคนเก่าคนใหม่เดินเข้าออกเป็นว่าเล่น (เหมือนเชลซี) และนี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เดวิด มอยส์ได้รับโอกาสและถูกเลือกให้เป็น  The Chosen One ด้วยสัญญาระยะยาวถึง 6 ปี แทนที่จะเป็นโฮเซ่ มูรินโญ
แต่สุดท้ายแล้ว ด้วยผลงานที่ย่ำแย่เป็นประวัติศาสตร์ของสโมสรยุคใหม่นั้น การที่เดวิด มอยส์ถูกปลดออกจากตำแหน่งที่คุมบังเหียนมาได้ 9 เดือน  จึงไม่ได้สร้างความประหลาดใจใดๆเลยสำหรับคนในวงการฟุตบอลทั่วโลก เพราะเขาคือ The Wrong One  ตัวเลือกที่ผิด



.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มอเตอร์ หรือ สติกเกอร์

เมื่อตอนที่ Real Madrid ทีมดังในสเปนตัดสินใจขาย Claude Makelele ให้กับทีม Chelsea แล้วซื้อ David Beckham มาแทนที่ในช่วงกลางปี 2003 ปรา...