21 มิถุนายน 2556

เอกยุทธ - I’m No.5

.


ถึงแม้จะมีชีวิตที่หวือหวา โด่งดังและอื้อฉาว เริ่มเป็นที่รู้จักในเมืองไทยตั้งแต่เมื่อสามทศวรรษที่แล้ว แต่ชื่อของ เอกยุทธ อัญชันบุตร โด่งดังติดปากผู้คนในสังคม(การเมือง)ไทยมากที่สุดในปัจจุบันก็ตอนที่ออกมาเผยแพร่เรื่องราว ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ อันอื้อฉาวและลือลั่นเมื่อต้นปี 2555 และประกาศตัวพร้อมจุดยืนอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งว่าเป็นปฏิปักษ์กับฝ่ายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศ
กลายเป็นชื่อ 1 ใน 5 “ยุทธที่คนทั้งบ้านทั้งเมืองรู้จักกันดีในรอบ 5 ปีก็ว่าได้ นอกเหนือจากชื่อพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์, พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา, สรยุทธ สุทัศนะจินดาและยงยุทธ วิชัยดิษฐ
ด้วยเหตุนี้ การเสียชีวิตของ เอกยุทธ อัญชันบุตร อย่างลึกลับอึมครึมน่าสงสัยจึงลือลั่นสนั่นบาง เป็นการเสียชีวิตที่ทำให้เกิดข้อสงสัยโยงใยกับการเมืองและสารพัดเรื่องอย่างกว้างขวางและเคลือบ แคลงเป็นที่สุด 
         เป็นที่โจษจันกล่าวขวัญไปทั่วว่า เอกยุทธ ถูกฆาตกรรมอย่างซ่อนเงื่อนลับลมคมในคมนอกชวนให้ค้นหาคำตอบ เขาคงไม่คาดและคิดว่า การทานอาหารที่ร้านครัวกระแตย่านสะพานควายร่วมกับพรรคพวกคนคุ้นเคยรวม 5 คนจะกลายเป็นมื้อสุดท้ายในชีวิต.... ชีวิตที่กำลังย่างเข้าสู่วัย 55 ปีในเดือนนี้พอดิบพอดี


ชีวิตที่ไม่มีโอกาสฉลองวันครบรอบ 55 ปี
        

          ด้วยความที่เป็นลูกคนกลางของพี่น้องทั้งหมด 5 คน จึง(อาจ)ทำให้ เอกยุทธ มีชีวิตที่แปลกสมชื่อบิดา หลังจากจบ ม.ศ.5 ก็ใฝ่ฝันและดันทุรันจนสามารถไปเรียนต่อที่สหรัฐฯด้วยเงินทุนติดตัวเพียงแค่ 500 เหรียญ จนเมื่อสำเร็จการศึกษาในปี 2525 ก็เดินทางกลับมาเมืองไทยทำธุรกิจด้านการค้าการเงินจนเริ่มติดเพดานมีฐานะเป็นเศรษฐีคนหนึ่งของเมืองไทย



ตำนาน "แชร์ชาร์เตอร์" - "ตำนานเอกยุทธ"
  

   เมื่อย่างก้าวเข้าสู่วัยเบญจเพศ เอกยุทธก็ประสบกับชะตาเคราะห์กรรมครั้งใหญ่ การก้าวเดินพลาดด้วยธุรกิจ แชร์ชาร์เตอร์ ที่กลายเป็นบาปติดตัวมาโดยตลอด  ส่งผลทำให้ เอกยุทธ ต้องระหก ระเหินหนีออกนอกประเทศ และด้วยวัยหนุ่มเพียง 25 ปีก็แอบเดินทางกลับมาประเทศไทยพร้อมแผน การใหญ่ นั่นคือ เป็นนายทุน น้ำเลี้ยง ใหญ่ก่อการกบฏรัฐประหาร กันยา 1985”
 

 
เอกยุทธในวัยเบญเพศกับความบ้าบิ่นในการเล่นเกม "รัฐประหาร"


"เอกยุทธ" ถูำกประกาศจับในวัย 25 ปี

        ความล้มเหลวดังกล่าว ส่งผลทำให้ เอกยุทธ ต้องหนีตาย หนีคดีและลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศนานถึงสองทศวรรษ เมื่อคดีหมดอายุความ เอกยุทธ จึงได้เดินทางกลับมาประเทศไทยด้วยวัย 45 ปีที่ดูสุขุมมากขึ้นกว่าเดิม แต่อารมณ์ความรู้สึกทางการเมืองกลับฝังรากลึกยิ่งกว่าเดิม
       จากคนวัยหนุ่มเพียง 25 ปีที่หาญกล้าบ้าบิ่นร่วมทำรัฐประหาร สู่คนวัย 45 ปีที่ไม่สามารถเลือกเส้นทางและวิธีการเดิมได้อีกแล้ว 



ในวัย 45 "เอกยุทธ" ได้ประกาศจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจนที่สุด

      
       25 กันยายน 2547 คือวันที่ เอกยุทธเริ่มต้นและเปิดตัวปราศรัยอย่างเป็นทางการในนามกลุ่มประชาชนเพื่อชาติและราชบัลลังก์ให้สังคมไทยได้รับรู้ถึงจุดยืนและความคิดทางการเมืองของตัวเอง พร้อมทั้งเปิดตัวเวบไซต์ “thaiinsider” ด้วยเป้าหมายทางการเมืองเพื่อโค่นล้ม ระบอบทักษิณจนถูกสั่งปิดถึงสองครั้ง (ในปี 2005)
        ตลอดช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เป็นที่ทราบกันดีในหมู่นักธุรกิจนักการเมืองว่า โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์คือถิ่นประจำของ เอกยุทธ จนอาจเรียก ไฟว์ซีซั่นส์ ก็คงไม่ผิด หรือจะนับเป็นสัญญลักษณ์เสาที่ 5” สำหรับฐานทางการเมืองของ เอกยุทธ ก็ว่าได้



รถหรูสีแดงหมายเลข 55


        ด้วยเหตุนี้ จึงไม่เป็นที่สงสัยว่า ทำไมเอกยุทธจึงหาญกล้าและเป็นคนเดียวที่สามารถเปิดประเด็นฉาวทางการเมือง ว.5 โฟร์ซีซันส์ อย่างลือลั่นสนั่นวงการเมืองไทย
ในช่วงวันที่ 5 มิถุนายน หนึ่งวันก่อนที่จะถูกจับไปฆาตกรรมนั้น เอกยุทธ ได้แสดงถึงจุดยืนทางการเมืองครั้งสุดท้ายอย่างชัดเจนว่า 
ผมยังไม่เคยเห็นใครบอกว่า..ไม่ให้ทักษิณกลับเมืองไทย..ไม่มีใครห้าม..มีแต่  ใครๆก็อยากให้กลับทั้งนั้น..แต่ที่พล่ามว่าอยากกลับแต่ไม่กล้ากลับมาเองก็เพราะหนีคุกอยู่ไงครับ..ปากกล้าขาวสั่นอยู่เมืองนอก ทั้งๆที่มีขี้ข้าเป็นใหญ่เต็มบ้านเมือง มีน้องเป็นนายกฯ ..เหตุผลที่ไม่กลับไม่ใช่อะไรหรอกครับ..กลัวความจริงไง..

 ในขณะเดียวกัน การพูดถึง หุ้นกลุ่มทักษิณร่วงเละ..55555” ก็เกิดผลตามมาในตลาดหลัก ทรัพย์จริงๆ หลังจากปรากฏข่าวว่าฝรั่งทุบหุ้นไทยขนเงินกลับประเทศร่วม 5 หมื่นล้าน
นอกจากนี้ ด้วยบุคลิกและจุดยืน(ทางการเมือง)เฉพาะตัว ทำให้มีพรรคพวกและเครือข่ายกว้างขวาง แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็ทำให้ เอกยุทธ มีความขัดแย้งกับคนหลายกลุ่มหลายพวก ทั้งคนการเมือง นักธุรกิจ ข้าราชการรวมทั้งนายตำรวจ  ซึ่งล่าสุดก่อนเสียชีวิต ก็มีเรื่องมีราวเป็นข่าวฟ้องร้องพลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่างผู้บัญชาการตำรวจนครบาลกับพวกรวม 5 คน
การหายตัวไปอย่างลึกลับของ เอกยุทธในช่วงเวลาที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชากำลังเดินทางเยือน 5 มลรัฐในสหรัฐฯ กลายเป็นข่าวใหญ่หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ จนนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คชูวิทย์ I'm No.5” แสดงความเห็นเหมือนกับรับรู้ชะตากรรมว่า 

สมัยผมถูกอุ้มไป เขาปล่อยตัวมา คนหาว่าผม อุ้มตัวเองงนี่ถ้าคุณเอกยุทธกลับมา คงจะเข้าทำนองเดียวกับผม แต่ถ้าหากครบ 5 วันแล้วยังไม่ได้กลับมา มั่นใจได้ว่าไม่ได้กลับมาแล้ว คงไปอยู่ใต้แม่น้ำ ฝังดิน หรือถูกเผา คิดแล้วสยอง ข่าวยิ่งดังยิ่งไม่ได้กลับ ....ผมเกรงว่า คุณเอกยุทธ อัญชันบุตร จะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว

5 วันภายหลังการหายตัวไป ในที่สุด เอกยุทธก็ไม่ได้กลับมาจริงๆ เมื่อตำรวจสามารถจับกุมคนขับรถผู้ร่วมก่อเหตุได้ ก่อนที่จะเปิดปากสารภาพและนำไปสู่การค้นพบศพของ เอกยุทธ ในสภาพที่เชื่อว่าเสียชีวิตมาแล้ว 5 วัน
ถึงแม้ว่าทางการตำรวจจะสรุปผลการถูกฆาตกรรมของเอกยุทธว่าเป็นผลมาจากการมุ่งทรัพย์จำนวน 5 ล้านบาท แต่ด้วยความเป็นเอกยุทธที่มีความคิด ท่าที จุดยืน บทบาท และภาพทางการเมืองที่ชัดเจนบวกกับลักษณะของการถูกฆาตกรรม จึงทำให้สังคมกังขาเกิดข้อสงสัยต่อการเสียชีวิตอย่างลึก ลับมีเงื่อนงำหลายๆประการ
ทำไมกลุ่มคนร้ายจึงต้องควบคุมตัว เอกยุทธต้องย้อนกลับไปที่บ้านพักตอน 5 ทุ่มจนเกือบพลาด?
ทำไม เอกยุทธซึ่งเชื่อกันว่ามีทรัพย์สินไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท จึงชะล่าใจปล่อยให้คนหนุ่มวัยเพียง 25 ปีมาทำหน้าที่เป็นคนขับรถก่อนจะพลาดท่า?  และอีกสารพัด ทำไม
ข้อสงสัยหลายๆประการที่ทำให้คดีนี้มีเงื่อนงำและลึกลับนั้น ส่วนหนึ่งกลายเป็นหน้าที่ของนายสุวัฒน์ อภัยภักดิ์และทีมทนายความทั้ง 5 คน ที่ต้องพิสูจน์และค้นหาความจริงถึงมูลเหตุที่แท้จริงของการฆาตกรรมในครั้งนี้ ซึ่งดูเหมือนจะมั่นใจในข้อมูลว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังให้มีการ "อุ้ม" โดยเฉพาะการระบุว่าในวันที่ 5 ก่อนที่จะถูกอุ้มหายไปนั้น  “เอกยุทธ ได้เปรยๆชื่อหนึ่งเหมือนเป็นลางที่กลายเป็นความจริงไปในที่สุด 
ท้ายที่สุดแล้ว ถึงแม้จะมีศัตรูค่อนข้างมาก แต่การเสียชีวิตของ เอกยุทธ ในสภาพเช่นนี้ ก็ย่อมทำให้สังคมช๊อกพอสมควร
ช๊อกในช่วงเวลาที่มีข่าวว่า รัฐบาลปู 5 กำลังจะเกิดขึ้น



.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มอเตอร์ หรือ สติกเกอร์

เมื่อตอนที่ Real Madrid ทีมดังในสเปนตัดสินใจขาย Claude Makelele ให้กับทีม Chelsea แล้วซื้อ David Beckham มาแทนที่ในช่วงกลางปี 2003 ปรา...