21 มิถุนายน 2556

เอกยุทธ - I’m No.5

.


ถึงแม้จะมีชีวิตที่หวือหวา โด่งดังและอื้อฉาว เริ่มเป็นที่รู้จักในเมืองไทยตั้งแต่เมื่อสามทศวรรษที่แล้ว แต่ชื่อของ เอกยุทธ อัญชันบุตร โด่งดังติดปากผู้คนในสังคม(การเมือง)ไทยมากที่สุดในปัจจุบันก็ตอนที่ออกมาเผยแพร่เรื่องราว ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ อันอื้อฉาวและลือลั่นเมื่อต้นปี 2555 และประกาศตัวพร้อมจุดยืนอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งว่าเป็นปฏิปักษ์กับฝ่ายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศ
กลายเป็นชื่อ 1 ใน 5 “ยุทธที่คนทั้งบ้านทั้งเมืองรู้จักกันดีในรอบ 5 ปีก็ว่าได้ นอกเหนือจากชื่อพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์, พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา, สรยุทธ สุทัศนะจินดาและยงยุทธ วิชัยดิษฐ
ด้วยเหตุนี้ การเสียชีวิตของ เอกยุทธ อัญชันบุตร อย่างลึกลับอึมครึมน่าสงสัยจึงลือลั่นสนั่นบาง เป็นการเสียชีวิตที่ทำให้เกิดข้อสงสัยโยงใยกับการเมืองและสารพัดเรื่องอย่างกว้างขวางและเคลือบ แคลงเป็นที่สุด 
         เป็นที่โจษจันกล่าวขวัญไปทั่วว่า เอกยุทธ ถูกฆาตกรรมอย่างซ่อนเงื่อนลับลมคมในคมนอกชวนให้ค้นหาคำตอบ เขาคงไม่คาดและคิดว่า การทานอาหารที่ร้านครัวกระแตย่านสะพานควายร่วมกับพรรคพวกคนคุ้นเคยรวม 5 คนจะกลายเป็นมื้อสุดท้ายในชีวิต.... ชีวิตที่กำลังย่างเข้าสู่วัย 55 ปีในเดือนนี้พอดิบพอดี


ชีวิตที่ไม่มีโอกาสฉลองวันครบรอบ 55 ปี
        

          ด้วยความที่เป็นลูกคนกลางของพี่น้องทั้งหมด 5 คน จึง(อาจ)ทำให้ เอกยุทธ มีชีวิตที่แปลกสมชื่อบิดา หลังจากจบ ม.ศ.5 ก็ใฝ่ฝันและดันทุรันจนสามารถไปเรียนต่อที่สหรัฐฯด้วยเงินทุนติดตัวเพียงแค่ 500 เหรียญ จนเมื่อสำเร็จการศึกษาในปี 2525 ก็เดินทางกลับมาเมืองไทยทำธุรกิจด้านการค้าการเงินจนเริ่มติดเพดานมีฐานะเป็นเศรษฐีคนหนึ่งของเมืองไทย



ตำนาน "แชร์ชาร์เตอร์" - "ตำนานเอกยุทธ"
  

   เมื่อย่างก้าวเข้าสู่วัยเบญจเพศ เอกยุทธก็ประสบกับชะตาเคราะห์กรรมครั้งใหญ่ การก้าวเดินพลาดด้วยธุรกิจ แชร์ชาร์เตอร์ ที่กลายเป็นบาปติดตัวมาโดยตลอด  ส่งผลทำให้ เอกยุทธ ต้องระหก ระเหินหนีออกนอกประเทศ และด้วยวัยหนุ่มเพียง 25 ปีก็แอบเดินทางกลับมาประเทศไทยพร้อมแผน การใหญ่ นั่นคือ เป็นนายทุน น้ำเลี้ยง ใหญ่ก่อการกบฏรัฐประหาร กันยา 1985”
 

 
เอกยุทธในวัยเบญเพศกับความบ้าบิ่นในการเล่นเกม "รัฐประหาร"


"เอกยุทธ" ถูำกประกาศจับในวัย 25 ปี

        ความล้มเหลวดังกล่าว ส่งผลทำให้ เอกยุทธ ต้องหนีตาย หนีคดีและลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศนานถึงสองทศวรรษ เมื่อคดีหมดอายุความ เอกยุทธ จึงได้เดินทางกลับมาประเทศไทยด้วยวัย 45 ปีที่ดูสุขุมมากขึ้นกว่าเดิม แต่อารมณ์ความรู้สึกทางการเมืองกลับฝังรากลึกยิ่งกว่าเดิม
       จากคนวัยหนุ่มเพียง 25 ปีที่หาญกล้าบ้าบิ่นร่วมทำรัฐประหาร สู่คนวัย 45 ปีที่ไม่สามารถเลือกเส้นทางและวิธีการเดิมได้อีกแล้ว 



ในวัย 45 "เอกยุทธ" ได้ประกาศจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจนที่สุด

      
       25 กันยายน 2547 คือวันที่ เอกยุทธเริ่มต้นและเปิดตัวปราศรัยอย่างเป็นทางการในนามกลุ่มประชาชนเพื่อชาติและราชบัลลังก์ให้สังคมไทยได้รับรู้ถึงจุดยืนและความคิดทางการเมืองของตัวเอง พร้อมทั้งเปิดตัวเวบไซต์ “thaiinsider” ด้วยเป้าหมายทางการเมืองเพื่อโค่นล้ม ระบอบทักษิณจนถูกสั่งปิดถึงสองครั้ง (ในปี 2005)
        ตลอดช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เป็นที่ทราบกันดีในหมู่นักธุรกิจนักการเมืองว่า โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์คือถิ่นประจำของ เอกยุทธ จนอาจเรียก ไฟว์ซีซั่นส์ ก็คงไม่ผิด หรือจะนับเป็นสัญญลักษณ์เสาที่ 5” สำหรับฐานทางการเมืองของ เอกยุทธ ก็ว่าได้



รถหรูสีแดงหมายเลข 55


        ด้วยเหตุนี้ จึงไม่เป็นที่สงสัยว่า ทำไมเอกยุทธจึงหาญกล้าและเป็นคนเดียวที่สามารถเปิดประเด็นฉาวทางการเมือง ว.5 โฟร์ซีซันส์ อย่างลือลั่นสนั่นวงการเมืองไทย
ในช่วงวันที่ 5 มิถุนายน หนึ่งวันก่อนที่จะถูกจับไปฆาตกรรมนั้น เอกยุทธ ได้แสดงถึงจุดยืนทางการเมืองครั้งสุดท้ายอย่างชัดเจนว่า 
ผมยังไม่เคยเห็นใครบอกว่า..ไม่ให้ทักษิณกลับเมืองไทย..ไม่มีใครห้าม..มีแต่  ใครๆก็อยากให้กลับทั้งนั้น..แต่ที่พล่ามว่าอยากกลับแต่ไม่กล้ากลับมาเองก็เพราะหนีคุกอยู่ไงครับ..ปากกล้าขาวสั่นอยู่เมืองนอก ทั้งๆที่มีขี้ข้าเป็นใหญ่เต็มบ้านเมือง มีน้องเป็นนายกฯ ..เหตุผลที่ไม่กลับไม่ใช่อะไรหรอกครับ..กลัวความจริงไง..

 ในขณะเดียวกัน การพูดถึง หุ้นกลุ่มทักษิณร่วงเละ..55555” ก็เกิดผลตามมาในตลาดหลัก ทรัพย์จริงๆ หลังจากปรากฏข่าวว่าฝรั่งทุบหุ้นไทยขนเงินกลับประเทศร่วม 5 หมื่นล้าน
นอกจากนี้ ด้วยบุคลิกและจุดยืน(ทางการเมือง)เฉพาะตัว ทำให้มีพรรคพวกและเครือข่ายกว้างขวาง แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็ทำให้ เอกยุทธ มีความขัดแย้งกับคนหลายกลุ่มหลายพวก ทั้งคนการเมือง นักธุรกิจ ข้าราชการรวมทั้งนายตำรวจ  ซึ่งล่าสุดก่อนเสียชีวิต ก็มีเรื่องมีราวเป็นข่าวฟ้องร้องพลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่างผู้บัญชาการตำรวจนครบาลกับพวกรวม 5 คน
การหายตัวไปอย่างลึกลับของ เอกยุทธในช่วงเวลาที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชากำลังเดินทางเยือน 5 มลรัฐในสหรัฐฯ กลายเป็นข่าวใหญ่หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ จนนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คชูวิทย์ I'm No.5” แสดงความเห็นเหมือนกับรับรู้ชะตากรรมว่า 

สมัยผมถูกอุ้มไป เขาปล่อยตัวมา คนหาว่าผม อุ้มตัวเองงนี่ถ้าคุณเอกยุทธกลับมา คงจะเข้าทำนองเดียวกับผม แต่ถ้าหากครบ 5 วันแล้วยังไม่ได้กลับมา มั่นใจได้ว่าไม่ได้กลับมาแล้ว คงไปอยู่ใต้แม่น้ำ ฝังดิน หรือถูกเผา คิดแล้วสยอง ข่าวยิ่งดังยิ่งไม่ได้กลับ ....ผมเกรงว่า คุณเอกยุทธ อัญชันบุตร จะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว

5 วันภายหลังการหายตัวไป ในที่สุด เอกยุทธก็ไม่ได้กลับมาจริงๆ เมื่อตำรวจสามารถจับกุมคนขับรถผู้ร่วมก่อเหตุได้ ก่อนที่จะเปิดปากสารภาพและนำไปสู่การค้นพบศพของ เอกยุทธ ในสภาพที่เชื่อว่าเสียชีวิตมาแล้ว 5 วัน
ถึงแม้ว่าทางการตำรวจจะสรุปผลการถูกฆาตกรรมของเอกยุทธว่าเป็นผลมาจากการมุ่งทรัพย์จำนวน 5 ล้านบาท แต่ด้วยความเป็นเอกยุทธที่มีความคิด ท่าที จุดยืน บทบาท และภาพทางการเมืองที่ชัดเจนบวกกับลักษณะของการถูกฆาตกรรม จึงทำให้สังคมกังขาเกิดข้อสงสัยต่อการเสียชีวิตอย่างลึก ลับมีเงื่อนงำหลายๆประการ
ทำไมกลุ่มคนร้ายจึงต้องควบคุมตัว เอกยุทธต้องย้อนกลับไปที่บ้านพักตอน 5 ทุ่มจนเกือบพลาด?
ทำไม เอกยุทธซึ่งเชื่อกันว่ามีทรัพย์สินไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท จึงชะล่าใจปล่อยให้คนหนุ่มวัยเพียง 25 ปีมาทำหน้าที่เป็นคนขับรถก่อนจะพลาดท่า?  และอีกสารพัด ทำไม
ข้อสงสัยหลายๆประการที่ทำให้คดีนี้มีเงื่อนงำและลึกลับนั้น ส่วนหนึ่งกลายเป็นหน้าที่ของนายสุวัฒน์ อภัยภักดิ์และทีมทนายความทั้ง 5 คน ที่ต้องพิสูจน์และค้นหาความจริงถึงมูลเหตุที่แท้จริงของการฆาตกรรมในครั้งนี้ ซึ่งดูเหมือนจะมั่นใจในข้อมูลว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังให้มีการ "อุ้ม" โดยเฉพาะการระบุว่าในวันที่ 5 ก่อนที่จะถูกอุ้มหายไปนั้น  “เอกยุทธ ได้เปรยๆชื่อหนึ่งเหมือนเป็นลางที่กลายเป็นความจริงไปในที่สุด 
ท้ายที่สุดแล้ว ถึงแม้จะมีศัตรูค่อนข้างมาก แต่การเสียชีวิตของ เอกยุทธ ในสภาพเช่นนี้ ก็ย่อมทำให้สังคมช๊อกพอสมควร
ช๊อกในช่วงเวลาที่มีข่าวว่า รัฐบาลปู 5 กำลังจะเกิดขึ้น



.

14 มิถุนายน 2556

จุดจบที่บังเอิญของ "เอกยุทธ"

.



ถูกจับ - "เอกยุทธ อัญชันบุตร" รับประทานอาหารมื้อสุดท้ายที่ร้าน "ครัวกระแต" ย่าน "สะพานควาย" ก่อนจะถูกจับตัวไปฆาตกรรมอย่างลึกลับชวนสงสัย

ถูกขัง - "เอกยุทธ" ถูกคนร้ายจับไปขังที่ "ลำปลาทิว" แถวลาดกระบังและฉวยโอกาสกระโดดลงสะพานเกือบหนีเอาชีวิตรอด แต่เมื่อหนีไม่รอด จึงจบชีวิตอย่างน่าเศร้า

ถูกฝัง  - สุดท้าย ศพของ "เอกยุทธ" ถูกฝัง ณ "เขาจิงโจ้" ที่อยู่ห่างไกลออกไปถึงพัทลุง

ทฤษฏีสมคบคิดหนึ่งบอกว่า นี่คือการเชือดไก่ให้ลิงดู(?)



.

12 มิถุนายน 2556

ที่่สุดท้ายปลายทางหมายเลข 5

.





ถึงแม้จะมีวิถีชีวิตที่หวือหวา โด่งดังอื้อฉาว เป็นที่รู้จักในเมืองไทยมาร่วมสามทศวรรษแต่ชื่อของ "เอกยุทธ อัญชันบุตร" โด่งดังติดปากผู้คนในสังคม(การเมือง)ไทยมากที่สุดก็ตอนที่ออกมาเผยแพร่เรื่องราว "ว.5 โฟร์ซีซั่น" อันลือลั่น

การเสียชีวิตของ"เอกยุทธ อัญชันบุตร" ก็ลือลั่นไม่แพ้กัน เป็นการเสียชีวิตที่ทำให้เกิดข้อสงสัยโยงใยกับการเมืองและสารพัดเรื่องอย่างกว้างขวาง

"เอกยุทธ อัญชันบุตร" ถูกฆาตกรรมอย่างซ่อนเงื่อนลับลมคมในคมนอกเป็นที่สุด เขาคงไม่คาดและคิดว่า การทานอาหารที่ร้านครัวกระแตย่านสะพานควายร่วมกับพรรคพวกคนคุ้นเคยรวม 5 คนจะกลายเป็นมื้อสุดท้ายในชีวิต

ชีวิตที่กำลังย่างเข้าสู่วัย 55 ปีในเดือนนี้พอดี

ด้วยบุคลิกและจุดยืนเฉพาะตัว "เอกยุทธ อัญชันบุตร" มีความขัดแย้งกับคนหลายกลุ่มหลายพวก ทั้งคนการเมือง นักธุรกิจ ข้าราชการรวมทั้งนายตำรวจ  ซึ่งล่าสุด กำลังมีเรื่องมีราวเป็นข่าวฟ้องร้องพลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่างผู้บัญชาการตำรวจนครบาลกับพวกรวม 5 คน

เป็นเรื่องที่เร็วเกินไปในขณะนี้ที่จะสามารถสรุปปักธงและฟันธงได้อย่างแน่ชัดว่าอะไรคือประเด็นหรือมูลเหตุแรงจูงใจที่นำไปสู่การฆาตกรรมจบชีวิตเจ้าของเวบไซต์ "thaiinsider" คนนี้


"เอกยุทธ" ในแบบฉบับที่ไม่เหมือนใคร
 

แน่นอนที่สุดว่า ประเด็นเรื่องเงินจำนวน 5 ล้านบาทยากที่จะทำให้สังคมยอมรับปักใจเชื่อได้ว่าคือสาเหตุจริงๆของการฆาตกรรมในครั้งนี้

ข้อสงสัยต่อมาก็คือว่า ทำไมคนร้ายอยู่เชื่อว่ามีจำนวน 5 คนที่กำลังควบคุมและกำหนดชะตากรรมชีวิตของ "เอกยุทธ อัญชันบุตร" อยู่ภายในรถตู้จึงต้องย้อนกลับไปที่บ้านพักย่านทาวน์อินทาวน์ของ "เอกยุทธ อัญชันบุตร"  ในเวลา 5 ทุ่มจนเกือบพลาด 

แต่เหมือนชะตากรรมสุดท้ายจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว เพราะไม่มีใครในครอบ ครัวสามารถรับรู้สัญญาณที่"เอกยุทธ อัญชันบุตร" พยายามบ่งบอกว่า ชีวิตกำลังอยู่ในห้วงอันตรายอย่างที่สุด

จนกระทั่งผ่านไป 5 วันหลังจากการหายตัวไปอย่างลึกลับ ตำรวจก็สามารถจับกุมนาย ball คนขับรถที่เรียก "เอกยุทธ อัญชันบุตร" ว่า boss ตลอด



ปิดฉากอย่างถาวร



ล่าสุดในวันนี้ ศพของ"เอกยุทธ อัญชันบุตร" ก็ได้รับการยืนยัน และเชื่อว่าอาจจะเสียชีวิตมาแล้วถึง 5 วัน

ถึงแม้ว่าจะมีศัตรูค่อนข้างมาก แต่การเสียชีวิตของ"เอกยุทธ อัญชันบุตร" ในสภาพเช่นนี้ ก็ย่อมทำให้สังคมช๊อคพอสมควร

ช๊อคในช่วงเวลาที่มีข่าวว่า "รัฐบาลปู 5" กำลังจะเกิดขึ้น



.

11 มิถุนายน 2556

"3 ยุทธ"


ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นี่คือชื่่อ 3 "ยุทธ" ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในสังคมไทย
 
พล อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา

สรยุทธ สุทัศนะจินดา


เอกยุทธ อัญชันบุตร
 
 
.

10 มิถุนายน 2556

ประท้วงในตุรกี

.



การประท้วงในตุรกีกำลังขยายตัว ตามเมืองใหญ่ๆจะเห็นภาพทะเลสีแดงของกลุ่มผู้ประท้วงที่รวมตัวกันเป็นจำนวนมาก

ภาพของนักวิชาการหญิงคนหนึ่งในชุดสีแดงสะพายกระเป๋าถูกตำรวจฉีดแก๊สพริกไทยตามสูตรได้ถูกแพร่ภาพไปทางสื่อมีเดียสื่อสังคมอย่างกว้างขวาง 
 
จนกระทั่ง กลายเป็นภาพสัญญลักษณ์ของการต่อสู้กับฝ่ายรัฐบาลไปโดยปริยาย
 
ผู้หญิงในชุดแดง

แตกฮือเมื่อเจอฤทธิ์แก๊สน้ำตา

สุดท้ายก็กลายเป็นสัญญลักษณ์ของการต่อต้านรัฐบาล
 
.

6 มิถุนายน 2556

เอฟวันบันลือโลก

.




            นอกเหนือจากมหกรรมกีฬาโอลิมปิคและฟุตบอลโลกแล้ว ว่ากันว่า รายการแข่งรถเฟอร์มูล่าวันหรือ F1 ถือเป็นรายการที่ประเทศต่างๆทั่วโลกปรารถนาใฝ่ฝันที่จะร่วมเป็นหนึ่งในสนามเซอร์กิต มากที่สุดก็ว่าได้
            F1 เป็นรายการที่มีผู้ชมทั่วโลกกว่า 500 ล้านคนซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมากๆ  สำหรับเอเชียแล้ว F1 เป็นเมกะสปอร์ตที่มีเสน่ห์ดึงดูดให้หลงใหลมากที่สุด ทำให้ภาพพจน์ของประเทศดู เซ๊กซี่ ยิ่งขึ้น และมีพลังดึงดูดสร้างสรรค์ทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล


Formular One - ของแท้มีเพียงแค่สูตรเดียว

          
เสน่ห์ของเอฟวัน - ความมันส์ที่รอลุ้น


          ณ เวลานี้ ฝันของคนไทยกำลังใกล้จะเป็นจริง เมื่อการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า ประเทศไทยกำลังจะมีชื่อปรากฏบนแผนที่ F1 ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
การพิจารณาตัวอย่างของประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์รวมทั้งประเทศอื่นๆ น่าจะเป็นแนวทางและให้ข้อคิดที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยไม่น้อย สำหรับการเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพรายการ F1
มาเลเซียสร้างประวัติศาสตร์เป็นประเทศแรกในอาเซียนที่จัดการแข่งขัน F1 ในปี 2542 และถือเป็นประเทศที่ 2 ในเอเชียต่อจากญี่ปุ่นยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมรถยนต์  เรียกว่าล้ำหน้าประเทศยักษ์ใหญ่อื่นๆในเอเชียอย่างจีน เกาหลีใต้ อินเดีย รวมทั้งสิงคโปร์และรัสเซีย  นอกจากนี้ มาเลเซียก็ได้ชื่อว่าเป็นประเทศมุสลิมประเทศแรกที่จัดรายการแข่งขันความเร็ว F1 เปิดทางให้ประเทศมุสลิมอื่นๆอย่างบาห์เรน ตุรกี และสหรัฐอาหรับอิมิเรตส์เจริญรอยตามในเวลาต่อมา
ความสำเร็จของมาเลเซียดังกล่าวยากจะเกิดขึ้นได้ หากไม่ใช่เป็นเพราะวิสัยทัศน์และแรงสนับสนุนอย่างเต็มสูบของอดีตนายกรัฐมนตรีดร.มหาเดร์ โมฮัมหมัด ผู้วางวิสัยทัศน์ “2020” ให้ประเทศก้าวสู่ความเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วภายในปี 2563  
ภายใต้วิสัยทัศน์ดังกล่าว  ดร.มหาเดร์ ต้องการสร้างความทันสมัยให้แก่ประเทศเพื่อพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า มาเลเซียยอดเยี่ยมในหลายๆด้านเทียบเท่าประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ และปลูกฝังความคิดตามแนว นโยบายหรือม๊อตโต มาเลเซียทำได้

ตึกแฝดตั้งสูงตระง่านเสียดฟ้า

 
สนามเซปังเซอร์กิตสุดลูกหูลูกตาที่มาเลเซียภูมิใจมากๆ


ภายใต้วิสัยทัศน์และความทะเยอทะยานของดร.มหาเดห์  มาเลเซียสร้างตึกแฝดปิโตรนาสที่สูงที่สุดในโลก สร้างสนามบินกัวลาลัมเปอร์ขนาดใหญ่ สร้างสะพานปีนังขนาดยาวติดอันดับ สร้างเมืองราชการที่มีพื้นที่กว้างขวาง สร้างแบรนด์รถยนต์ประจำชาติ รวมทั้งผลักดันให้คนมาเลเซียเป็นชาติแรกในอาเซียนที่พิชิตยอดเขาเอฟเวอเรสต์
ด้วยสายตาที่กว้างไกล  ดร.มหาเดห์มองเห็นศักยภาพของการแข่งขัน F1 และเชื่อว่า F1 จะทำให้โลกเห็นศักยภาพของมาเลเซียจริงๆ  ด้วยเหตุนี้ จึงออกแรงผลักแรงดันจนทำให้มาเลเซียจัดแข่ง F1 ตั้งแต่ปี 2542 ติดต่อกันมาจนถึงปัจจุบันนี้  ทำให้คนมาเลเซียมีความมั่นใจและรู้สึกภูมิใจในความสำเร็จหลายๆด้าน 
ห่างออกไปเพียงแค่ 300 กิโลเมตรคือที่ตั้งของประเทศสิงคโปร์ คู่รักคู่แค้นแลคู่แข่งตลอดกาลของมาเลเซีย
สิงคโปร์เกาะเล็กๆที่เต็มไปด้วยความมั่งคั่งทั้งโภคทรัพท์และไอเดีย ถึงแม้จะเปิดตัวหลังมาเลเซียกว่า 9 ปี แต่สิงคโปร์เซอร์กิตกลับมีเสน่ห์มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นกว่ามาเลเซียเซอร์กิตชนิดที่ว่าผู้นำมาเลเซียต้องอิจฉา
เล่ากันว่า ในการเสนอตัวเพื่อขอจัด F-1 นั้น ทีมงานของสิงคโปร์ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอดีตนายกรัฐมนตรีลีกวนยูอย่างเต็มที่ ไม่ได้มีแนวคิดเรื่องการจัดการแข่งขันในช่วงเวลากลางคืนเลย  เพียงแต่เสนอขอจัดแบบ street circuits หรือบนถนนในเมืองเหมือนเช่นสนามโมนาโก


ถนนที่ถูกปรับให้เป็นสนามแข่ง

เสน่ห์ของไนซ์เรซที่ต้องแข่งขันในยามค่ำคืน


 แต่เหมือนโชคช่วย เมื่อบอสใหญ่ของ F1 คือ เบอร์นี เอ็คเคิลสโตนจุดประกายและเสนอให้สิงคโปร์จัดแข่งขันในช่วงเวลากลางคืน ด้วยเหตุผลทางธุรกิจเป็นสำคัญ เนื่องจากฐานของผู้ชมรายการนี้ส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป หากจัดแข่งขันในช่วงเวลากลางคืนในสิงคโปร์ก็จะตรงกับช่วงบ่ายๆในยุโรปที่ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด 
ต้องยอมรับว่า รายการ F1 ที่สิงคโปร์นั้นถือว่าโดดเด่นมากเป็นพิเศษ  หนึ่ง ถือเป็นรายการแรก(และเพียงรายการเดียว)ในประวัติศาสตร์ของการแข่งขัน F1 ที่จัดแข่งขันในเวลากลางคืน สอง ถือเป็นการแข่งขันบนท้องถนนสนามแรกในเอเชีย และ สาม สิงคโปร์เซอร์กิตเป็นสนาม F1 เพียงแห่งเดียวในเอเชียที่ใช้ระบบขับทวนเข็มนาฬิกา ซึ่งถือเป็นงานยากแต่ท้าทายสำหรับนักขับ
ตั้งแต่แรกเริ่ม สิงคโปร์วางตำแหน่งให้เป็น โมนาโกแห่งเอเซีย  การจัดการแข่งขันในเวลากลาง คืนของสิงคโปร์ พูดได้ว่าสมบูรณ์ลงตัวมากๆสำหรับทั้งนักขับ ผู้ชมขอบสนามและผู้ดูทางบ้าน ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นสนามที่มีเสน่ห์มากๆ และเป็นที่ชื่นชอบของบรรดานักขับ เพราะถือเป็นความท้าทายที่ต้องแข่งกลางคืน (ถึงแม้จะมีไฟที่สว่างจ้าเหมือนเช่นกลางวันก็ตาม)

เสน่ห์ของสนามโมนาโก - ความท้าทายที่นักขับทุกคนใฝ่ฝัน


ถึงแม้ว่าสิงคโปร์จะเริ่มต้นช้ากว่ามาเลเซียเกือบหนึ่งทศวรรษ แต่ปัจจุบันและอนาคตของสิงคโปร์เซอร์กิตกลับสดใสยิ่งกว่า ว่ากันว่า โอกาสที่มาเลเซียจะได้รับการต่อสัญญาและมีโอกาสจัดแข่ง F1 หลังปี 2558 มีน้อยมากถึงแม้ดร.มหาเดห์จะออกโรงผลักดันด้วยตนเองก็ตาม  ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า สนามเซปังเซอร์กิตที่ใกล้สนามบินเริ่มหมดมนต์ขลัง นอกจากนี้ การได้รับเลือกให้เป็นสังเวียนประลองความเร็วติดต่อ กันมายาวนานถึง 16 ปีก็นับว่านานเกินเพียงพอแล้ว กอปรกับคนมาเลเซียเริ่มให้ความสนใจรายการนี้น้อยลงๆ  อนาคตของมาเลเซียเซอร์กิตจึงอยู่ในช่วงขาลงที่คนมาเลเซียต้องทำใจรับสภาพ
แต่ในขณะที่สิงคโปร์มีโอกาสสูงมากที่จะได้ต่อสัญญาภายหลังปี 2560 ตราบเท่าที่ไม่มีคู่แข่งที่มีจุดเด่นจุดขายในระดับระนาบเดียวกัน นอกจากนี้ สิงคโปร์(จะ)เป็นแหล่งระดมทุน 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ของบริษัท CVC Capital Partners ผู้ถือหุ้นใหญ่ในฟอร์มูล่าวัน ก็ยิ่งทำให้โอกาสของสิงคโปร์ในระยะยาวมีมากขึ้นตามไปด้วย
ในกรณีของประเทศไทยนั้น สิ่งแรกที่ควรต้องกล่าวถึงก็คือ ประเทศไทยจะมีโอกาสได้รับเลือกให้เป็นสนาม F1 ในปี 2558 ตามที่ กกท.ระบุไว้หรือไม่?
โดยข้อเท็จจริงแล้ว ต้องยอมรับว่า มีโอกาสเป็นไปได้น้อยที่จะเห็นมาเลเซีย สิงคโปร์และไทยถูกบรรจุอยู่ในตารางการแข่งขันประจำปี 2558 พร้อมๆกันทั้ง 3 ประเทศ เพราะอาเซียนเล็กเกินกว่าที่จะมี 3 เซอร์กิตในปีเดียวกัน แตกต่างจากเอเชียตะวันออก เนื่องจากญี่ปุ่น จีนและเกาหลีใต้ล้วนแต่เป็นประเทศใหญ่ที่มีศักยภาพสูงกว่ามาก
ด้วยเหตุนี้ จึงมีโอกาสเป็นไปได้ว่า ประเทศไทยจะได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสนามแข่งในปี 2559 หลังจากที่หมดยุคของมาเลเซียแล้ว
ปัญหาต่อมาก็คือว่า ข้อเสนอของฝ่ายไทยนั้น ถือว่า unique หรือมีคุณลักษณะพิเศษที่โดดเด่นแล้วหรือยัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเรายึดแนวทางจัดการแข่งขันแบบแบบ city race หรือบนถนนในเมืองแล้ว เรามีเสน่ห์ความโดดเด่นเทียบเท่าโมนาโกหรือสิงคโปร์หรือไม่


ความฝันของเอฟวันบนเส้นทางราชดำเนิน - เป็นได้เพียงแค่ขับโชว์



แน่นอนที่สุดว่า หากเส้นทางรอบเกาะรัตนโกสินทร์ได้รับเลือกให้เป็นสนามแข่ง F1 จริง ผู้ชมทั่วโลกก็จะเห็นภาพวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวังที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ไทย โดดเด่นยิ่งกว่าสถาปัตย กรรมยุคใหม่บริเวณอ่าวมารีน่าของสิงคโปร์เป็นไหนๆ
แต่ในมุมมองของนักขับแล้ว  เส้นทางรอบเกาะรัตนโกสินทร์อาจจะไม่ได้มีลักษณะที่พิเศษมากๆหรือแตกต่างจากโมนาโกและสิงคโปร์จนเรียกว่าเป็นความท้าทายก็ได้  
ณ เวลานี้ ดูเหมือนว่าโอกาสความเป็นไปได้ของเส้นทางรอบเกาะรัตนโกสินทร์จะลดน้อยลงตาม ลำดับ เนื่องจากเสียงคัดค้านที่ดังขึ้นของผู้อยู่อาศัยในบริเวณดังกล่าว มิพักต้องพูดถึงตัวเลือกที่สองที่สามอย่างบริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะและเมืองทองธานี ที่หาความโดดเด่นหรือเสน่ห์ได้ยาก
สิ่งที่ทางกกท.และรัฐบาลรวมทั้งภาคเอกชนจะต้องพิถีพิถันมากเป็นพิเศษก็คือ การพิจารณาเลือกเส้นทางที่มีลักษณะ unique หรือโดดเด่นแตกต่างจากทุกๆสนามเซอร์กิตทั่วโลก ต้องถูกใจทั้งในมุมมองของนักขับและผู้ชมข้างสนาม และต้องเป็นสนามที่มีคุณสมบัติ 3 เอสครบถ้วนสำหรับนักขับ นั่นคือ ความเร็ว (speed) ความชำนาญ (skill) และความปลอดภัย (safety


ข้อเสนอหนึ่งที่จะทำให้ไทยแลนด์กรังด์ปรีซ์  มีเอกลักษณ์พิเศษที่เรียกว่าท้าทายสำหรับบรรดานักขับนักแข่งชั้นเซียนก็คือ การพิจารณาเส้นทางบริเวณ(หน้า)สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยเหตุผลหลายๆประการ
หนึ่ง จุดเด่นหนึ่งของสนามสุวรรณภูมิก็คือทางยกระดับ(ระยะสั้นๆ) หากสามารถปรับแต่งให้เข้ากับมาตรฐานเซอร์กิต F1 แล้ว ก็จะทำให้สุวรรณภูมิเซอร์กิตมีความโดดเด่นมากๆ เพราะจะเป็นสนามแรกและสนามเดียวในโลกF1 ที่วิ่งบนทางด่วนหรือทางยกระดับ  เรียกว่าเป็นการสร้างจุดขายหรือเอกลักษณ์ของสนามสุวรรณภุมิ เหมือนเช่นการขับลอดอุโมงค์ความยาว 670 เมตรซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของโมนาโกกรังปรีซ์   หรือการขับแข่งบนเส้นทางตรงที่ยาวมากๆและมีลักษณะเป็นเนินเขาของสนามเดอ สปา-ฟรองโกชองในเบลเยี่ยม
ถึงแม้ว่า ทั้งสองเซอร์กิตจะได้ชื่อว่าอันตรายมากๆเมื่อเทียบกับสนามอื่นๆทั่วโลก แต่เป็นสนามที่มีเสน่ห์และนักขับชื่นชอบ เพราะเต็มไปด้วยความท้าทาย เป็นสนามสร้างเซียน เฉพาะนักขับที่เก่งจริงๆจึงจะสามารถชนะได้ ว่ากันในทางเทคนิคแล้ว การประยุกต์ใช้ทางยกระดับเป็นสนามแข่ง ถือว่ามีอันตราย(ต่อนักขับ) น้อยกว่าทั้งสองสนามหากมีการพิจารณาออกแบบอย่างพิถีพิถันที่สุด
เพราะฉะนั้นแล้ว จะทำอย่างไรให้สุวรรณภูมิเซอร์กิตเป็นความฝันความท้าทายสำหรับนักขับเช่น เดียวกับสนามโมนาโก  ทำให้สุวรรณภูมิเซอร์กิตเป็นสนามที่มีครบทุกอย่างและมีในสิ่งที่สนามอื่นๆ ยังไม่มี   นับตั้งแต่การแข่งขันกลางคืน การขับทวนเข็มนาฬิกา ผ่านทางยกระดับ ทางแคบๆ ทางเลี้ยวหักศอก 90 องศารวมทั้งการสร้างอุโมงค์เพิ่มเติมก็สามารถทำได้ เพื่อทำให้สนามสุวรรณภูมิมีลักษณะ unique จริงๆ
           ทั้งนี้ การลงทุนปรับเพิ่มสนามแข่งสุวรรณภูมินี้ถือว่ามีความคุ้มค่าในทางเศรษฐกิจ เพราะสามารถเปิดใช้ได้ตลอดทั้งปีในช่วงเวลาอื่นๆนอกตารางการแข่งขัน และจะเป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้กับสนามบินสุวรรณภูมิไปในตัวด้วย


ฉากหลังของสุวรรณภูมิเซอร์กิต

 
    
      เส้นทางยกระดับ - ความเป็นไปได้ของสุวรรณภูมิเซอร์กิต


เส้นทางบนทางยกระดับ - ความท้าทายที่รอให้เกิดขึ้น

สุวรรณภูมิเซอร์กิตจากมุมไกลที่มีแบ๊คกราวน์สวยเด่น


สอง นอกเหนือจากเส้นทางรอบเกาะรัตนโกสินท์แล้ว สนามสุวรรณภูมิน่าจะมีเสน่ห์มากกว่าตัว เลือกอื่นๆ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด บริเวณสนามบินมีพื้นที่กว้างขวางพอที่จะปรับสภาพให้เป็นเซอร์กิตชั่วคราวสำหรับ F1 ได้  ซึ่งไม่มีปัญหาเรื่องเสียงอย่างแน่นอน  ในขณะเดียวกัน ก็ควรจะจัดงานมอเตอร์โชว์ที่ไบเทคบางนา(ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากสนามบิน) ให้สอดคล้องเป็นธีมเดียวกับ F1 เพื่อโปรโมตเทคโนโลยี่ยานยนต์ที่ล้ำสมัยที่สุด ตอกย้ำความเป็นดีทรอยต์แห่งเอเชีย หรือศูนย์กลางแห่งอุตสาหกรรมรถยนต์ด้วย
นอกจากนี้ ด้วยศักยภาพของแอร์พอร์ตลิงค์ ทำให้การคมนาคมขนส่งระหว่างใจกลางมหานครและสนามแข่งสะดวกมากๆ  รวมทั้งจุดขายทางวัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยวและบรรยากาศยามค่ำคืนที่ไม่เคยหลับใหลของมหานครกรุงเทพฯ (ที่จังหวัดอื่นๆไม่มี) ค่าครองชีพที่ถูกกว่าเมืองที่จัด F1 ในประเทศอื่นๆ ย่อมเป็นจุดเด่นจุดขายดึงดูดนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชม F1 ได้เป็นจำนวนหลักแสน (ตลอดช่วงระยะเวลา 1-2 เดือน) โดยเฉพาะนักธุรกิจระดับโลกที่จะถือโอกาสนัดมาพบปะเจรจาบรรลุดีลต่างๆในเทศกาลเอฟวันบันลือโลกนี้
ทั้งนี้  การปรับเส้นทางยกระดับและเส้นทางอื่นๆบริเวณด้านหน้าของสนามบินเพื่อใช้เป็นสนาม แข่งขัน (ชั่วคราว)นั้น ไม่น่าจะมีผลกระทบหรือขัดต่อกฏเกณฑ์ขององค์กรการบินระหว่างประเทศ เนื่อง จากเป็นการปิดเฉพาะเส้นทางบางส่วนเท่านั้น การเดินทางไปสนามบินยังสามารถทำได้ตามปกติทั้งในเส้น ทางรถยนต์และแอร์พอร์ตลิ้งค์
            กล่าวได้ว่า การได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสนาม F1 ย่อมมีคุณค่ามีประโยชน์อย่างแน่นอนทั้งในทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ภาพพจน์ของประเทศตลอดจนผลทางจิตวิทยาที่มีต่อคนในประเทศ
            โอกาสของประเทศไทยได้มาถึงแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ณ เวลานี้ ทีม Red Bull ที่มีเซบาสเตียน เวทเทลแชมป์โลก 3 สมัยอยู่ในสังกัด  ถือเป็น ทุนแบรนด์ ที่สามารถสร้างความได้เปรียบให้แก่ประเทศไทย อย่างชนิดที่มาเลเซียและสิงคโปร์ต้องอิจฉา




.

มอเตอร์ หรือ สติกเกอร์

เมื่อตอนที่ Real Madrid ทีมดังในสเปนตัดสินใจขาย Claude Makelele ให้กับทีม Chelsea แล้วซื้อ David Beckham มาแทนที่ในช่วงกลางปี 2003 ปรา...