คนที่เป็นผู้นำนั้นมีสองฐานะที่ทั้งเหมือนและแตกต่างจากคนอื่นๆทั่วไป
ด้านหนึ่งเป็น Special One เป็นผู้ำนำของคนจำนวนมาก
อีกด้านหนึ่ง เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่เหมือนคนอื่นๆ ที่มีอารมณ์ความรู้สึก มีความรักความยินดี มีความเกลียดความริษยา มีความดีความผิดพลาดตามแต่โอกาส
แต่เพราะมีฐานะเป็นผู้นำ ที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่า เด่นกว่า หรืออยู่ตรงกลาง ผู้นำที่ยิ่งใหญ่จึงต้องแสดงออกซึ่งความเป็น Special One และความเป็นมนุษย์ที่มีหัวจิตหัวใจมีความรัก
ผู้นำบางคนเลือกที่จะเป็นผู้นำแบบ Special One แบบหนึ่งเดียวในโลกนี้ โดยไม่แสดงออกซึ่งหัวใจสีชมพู แต่ผู้นำอีกหลายๆคนกลับกระทำในทางตรงกันข้าม แต่ก็มีผู้นำบางส่วนที่โดดเด่นในความเป็น Special One และชัดเจนในเรื่องของความรัก
ฮิตเลอร์ในวันหวานชื่อกับอีวา บราวน์ |
ชื่อของอด๊อฟ ฮิตเลอร์ยากที่จะอยู่ในหัวใจของผู้ที่รักสันติภาพและแสวงหาความสุึขสงบทั่วโลก เพราะเขาคือผู้เปิดศึกก่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ว่ากันว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ที่ร้ายแรงและเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
แต่ในอีกด้านหนึ่ง อย่างน้อยที่สุด ฮิตเลอร์ซึ่งถูกเรียกขานว่าเป็นอาชกรสงครามตัวพ่อแห่งศตวรรษที่ 20 ก็ยังมีด้านที่สวยงาม(ที่ยังคงเป็นปริศนาอยู่)
นอกจากจะมีฝีมือในด้านการวาดภาพที่สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อแล้ว เสน่ห์ข้อหนึ่งของผู้นำนาซีคนนี้คือไม่เคยด่างพร้อยหรือถูกกล่าวหาว่าเป็นเสือผู้หญิง ซึ่งแตกต่างจากผู้นำเผด็จการคนอื่นๆ ฮิตเลอร์ อาจจะมีคู่หมั้น(ที่ไม่สมหวัง)ในวัยหนุ่มหรือมีการกล่าวถึงว่าฮิตเลอร์เคยมีความรักเคยมีคนรักไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง แต่นั่นเป็นเรื่องเป็นหน้าที่ของนักประวัติศาสตร์ที่ต้องศึกษาสืบค้นหาความจริงให้ปรากฏ
ความไม่ใส่ใจในเรื่องของความรัก จนมีการกล่าวหาว่าฮิตเลอร์มีความผิดปกติ (ทางด้านร่างกายและจิตใจ) แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ฮิตเลอร์เป็นผู้นำที่ให้เกียรติผู้หญิงมากๆ เป็นผู้ชายที่มีผู้หญิงจำนวนมากหลงใหลและหลงรัก แต่สุดท้าย ฮิตเลอร์ผู้ซึ่งถือเอาภาระหน้าที่เหนือความรัก ก็ตัดสินใจแต่งงานกับอีวา บราวน์ในช่วงเวลาที่เยอรมนีกำลังจะพ่ายแพ้สงคราม และตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยกันในอีกสองวันต่อมา เรียกว่าเป็นผู้นำที่มีชีวิตสมรสสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้
เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า ผู้นำหลายคนกลับเปลี่ยนแปลงไปนับตั้งแต่ได้ขึ้นครองอำนาจ โดยเฉพาะพฤติกรรมทีเรียกว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อความรัก ชื่อเสียของอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน อดีตนายกรัฐมนตรีซิลวิโอ เบอร์ลุสโคนี่แห่งอิตาลี่ อดีตผู้ว่าคนเหล็กแห่่งแคลิเฟอร์เนีย อาร์โนลด์ ชวาซเนกเกอร์ รวมทั้งวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย ที่มีพฤติกรรมนอกใจภรรยาจนถึงขั้นนำไปสู่การหย่าร้างนั้น ย่อมเป็นตราบาปให้ผู้นำเหล่านี้
นักจิตวิทยาบางคนบอกว่า อำนาจที่หอมหวลนี้มีส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้นำคนนั้นๆเปลี่ยนแปลงไป บางคนให้เหตุผลว่า ด้วยภาระหน้าที่ความเป็นผู้นำที่หนักหนาและกดดัน อาจมีส่วนทำให้ผู้นำคนนั้นๆแสวงหาความรักใหม่ๆ แม้กระทั่ง อดีตผู้นำคนดังอย่างจอห์น เอฟ เคนเนดี้ก็มีข่าวปรากฏว่า มีความสัมพันธ์ปันใจให้กับดาวดังในยุคนั้นอย่างมาริลีน มอนโร
ว่าไปแล้ว เราเป็นหนี้บุญคุณกอร์บาชอฟไม่น้อย เพราะเขาคือผู้นำที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและทำให้สหภาพโซเวียตกลายเป็นอดีต ทำให้ลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปและส่วนอื่นๆของโลกถึงกาลอวสาน
นอกจากจะเป็นผู้นำ Special One กอร์บาชอฟก็ยังพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นผู้นำที่ซื่อสัตย์ในความรักต่อคู่ชีวิต ไรซ่า กอร์บาชอฟจนวันสุดท้าย
ไรซ่าสตรีคู่ชีวิตเคียงข้างกอร์บาชอฟ |
ตลอดช่วงระยะเวลกว่า 46 ปีที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข ไ้ด้ฝังราก "รักแท้" ลึกจนยากจะสั่นทอน จนทำให้ประธานาธิบดีคนสุดท้ายของสหภาพโซเวียตคนนี้ถึงกับทำใจไม่ได้ เมื่อคู่ชีวิตได้จากลาไปด้วยโรคมะเร็ง ทำให้ผู้นำคนนี้ถึงกับหลั่งน้ำตาในวันที่ต้องสูญเสีย "ไรซ่า"
ในวันที่กอร์บาชอฟหลั่งน้ำตา อาลัยกับวันสุดท้ายของคู่ชีวิต |
เพราะรักแท้ที่มีให้ต่อไรซ่า กอร์บาชอพได้ทำทุกอย่างเพื่ออุทิศความดีให้กับภรรยาสุดที่รักคนนี้ เขาได้บันทึกเทปเพลงโปรดของไรซ่าเพื่อการกุศล เปิดพิพิธภัณฑ์เพื่อให้ชาวรัสเซียได้ระลึกถึงอดีตสตรีหมายเลขหนึ่งคนนี้
ความรักแท้ที่อบอุ่นจริงใจหวานชื่นของเรแกนและแนนซี่ |
ในอีกฟากหนึ่ง อดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกนก็สร้างประวัติศาสตร์สร้างตำนานที่ไม่อาจลืมเลือนได้ เรแกนเป็นผู้นำสหรัฐฯในยุคเดียวกับที่กอร์บาชอพเป็นผู้นำโซเวียต เป็นผู้มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งยวดที่ทำให้สงครามเย็นสิ้นสุดลง ถือเป็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่ที่เรแกนได้ทำให้กับชาวอเมริกันและชาวโลกมีวันนี้ได้
นอกจากจะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำสหรัฐฯที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศแล้ว เรแกนก็ได้รับการยกย่องมีคู่รักชีวิตคู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ผู้นำอเมริกันทั้งหมด
ถึงแม้ว่า แนนซี่จะไม่ใช่ภรรยาคนแรกในชีวิตของเรแกน แต่เมื่อทั้งคู่ตกลงปลงใจแต่งงานกัน ก็ได้ใช้ชีวิตคู่อย่างหวานชื่นตลอดมาร่วม 52 ปีจนวันสุดท้ายของเรแกน
เหมือนเช่นกอร์บาชอฟทีปฏิบัติต่อไรซ่า แนนซี่ได้อุทิศเวลาด้วยหัวใจเต็มร้อยเพื่อดูแลสามีคู่ชีวิตคนนี้จนวันสุดท้าย
แน่นอนที่สุด อดีตประธานาธิบดีเรแกนเป็นคนโรแมนติกทะนุถนอมความรักที่มีต่อภรรยาคู่ชีวิตอย่างไม่มีใครเหมือน
ในวันที่เขียนจดหมายเปิดผนึกแจ้งให้คนอเมริกันรับทราบว่าโชคร้ายเป็นโรคอัลไซเมอร์ ความปรารถเพียงหนึ่งเดียวของเรแกนถึงแม้ว่าจะต้องทนทรมานกับโรคร้ายนี้ก็คือ จะทำอย่างไรที่จะไม่ให้ลืมเลือนคู่รักคู่ชีวิตที่ชื่อแนนซี่คนนี้ได้
นี่คือพลังแห่งความรักที่ถึงกับทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆบอบบางอย่างแนนซี่ยิ้มไม่หุบ
และในวันสุดท้ายแห่งชีวิต เรแกนก็ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งถึงความซื่อสัตย์ต่อความรักที่มีต่อแนนซี่ เป็นพลังแห่งความรักที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา
จุมพิตสุดท้ายเพื่อรักนิรันด์ |
ณ ลมหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนที่จะสิ้นใจ จู่ๆเรแกนซึ่งหลับไสลไม่ได้สติมาเป็นเวลานานพลันลืมตาแล้วจ้องมองไปที่แนนซี่ด้วยสายตาแห่งความรักแท้ เป็นรักสุดท้ายและรักนิรันด์ระหว่างคนสองคน
นี่คือสิ่งที่อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯคนนี้เรียกว่า "ของขวัญ" ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้รับจากคู่ชีวิตคนนี้ ถึงว่าจะเป็นของขวัญในวันสุดท้ายแห่งความรักก็ตาม
"ไมีมีสิ่งใดจะกล้าแกร่งเกินกว่าความรัก(แท้)ของคนสองคน"
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น