ปรัศนีย์ของสังคมในวันนี้ ก็คือ "เกิดอะไรขึ้น"
สังคมตั้งคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นในสังคมไทย จึงทำให้เกิดปัญหาถกเถียงยากหาข้อสรุปในเรื่องที่เกี่ยวกับปมแม่ปมลูกถึงสองกรณี
ปมหนึ่ง กรณีของแม่วัยชรานามคุณยายถนิม เลาหะวัฒนะ ผู้ถูกโยงใยให้กลายเป็นจุดศุนย์กลางในความขัดแย้งระหว่างลูกชายทั้งสองที่สังคมไทยให้ความสนใจ นั่นคือนายสุเทพและ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ พี่น้องร่วมสายโลหิตแห่งตระกูล "เลาหะวัฒนะ"
พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะกำลังเผชิญชะตากรรมชีวิตที่อาจะเรียกว่าหนักหนาที่สุดในชีวิต ด้วยข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตจา ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของตำรวจและผู้เกี่ยวข้องอื่นๆที่จะต้องทำให้ความจริงนี้กระจ่างแจ้ง
ในช่วงเวลาที่ตำรวจดำเนินการขุดค้นเพื่อหาซากศพหรือโครงกระดูกเกี่ยวกับคดีการหายตัวไปของสามีภรรยาชาวเมืองเพชร ภาพคลิปของคุณยายนิ่มก็ปรากฏขึ้นเหมือนให้ความกระจ่างกับสังคมที่สะท้อนถึงพฤติกรรมและจิตใจของ "ลูกชายคนเล็ก" ด้วยคำพูดที่สะเทือนใจ
"มันไม่มีที่อยู่ มันคิดฆ่าแม่แน่ ไอ้ตั้วใจร้ายมาก มันไม่ได้รักแม่เลย เลี้ยงมันมา ให้เงินมันตั้งแยะ อกตัญญูและบาปกรรม ทุกวันนี้ก็เห็นแล้ว กรรมเวรมันได้รับแล้ว"
ในความพยายามหนึ่ง พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์หรือหมอตั๊วต้องการให้สังคมไทยได้เห็นอีกด้านอีกมุมหนึ่งว่า ตัวเองเป็นคนรักแม่และแม่ก็รักลูกคนนี้จริงๆ ด้วยภาพที่ปรากฏต่อสาธารณชนที่สะท้อนเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากความรักความผูกพันระหว่างแม่และลูกคนเล็กคนนี้ พร้อมทั้งยืนยันว่า “ใครบ้างจะไม่รักแม่ตัวเองบ้างมีไหมในโลกนี้ "
“ใครบ้างจะไม่รักแม่ตัวเองบ้างมีไหมในโลกนี้ " |
นอกเหนือจากคดีที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแล้ว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ก็ต้องสู้กับคดีทางสังคมในข้อหาว่า เป็นลูกอกตัญญู(?)
อีกปมหนึ่ง เป็นเรื่องราวของคุณยายสุภาณี ศรีสุภะ อดีตเจ้าแม่พัฒน์พงศ์ ที่ชีวิตตกอับไร้ที่อยู่ที่พักพิง ไร้ลูกหลานพี่น้องเหลียวแล
สังคมไทยได้รับรู้เรื่องราวจากปากของคุณยายสุภาณีอย่างสะเทือนใจว่า ถูกลูกในไส้ถูกหลานในอกขับไล่ไส่ส่งออกจากบ้านอย่างน่าอดสูเป็นที่สุด(?) แม้กระทั่งเงินเลี้ยงดูจากทางการก็ถูกลูกเก็บลูกกันไว้ไม่ให้ใช้
จนสุดท้ายเมื่อไร้ที่พำนักอาศัยจริงๆ จึงต้องโยกย้ายไปอยู่บ้านพักคนชรา ที่พึ่งสุดท้ายจริงๆของคนวัยชรา
ถึงแม้จะเป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระ แต่ทั้งสองกรณีก็สร้างความรู้สึกสะเทือนใจให้กับผู้คนในสังคมไม่น้อย
เป็นความสะเทือนใจที่สังคมไทยไม่สามารถรับได้กับพฤติกรรมและจิตใจของผู้เป็นลูกที่กระทำต่อแม่ผู้ให้กำเนิด
แต่บางครั้งสังคมไทยเราก็มักจะตัดสินเรื่องใดเรื่องหนึ่งในทันทีแบบ take it for granted หรือ "รู้ๆกันอยู่" โดยไม่ได้ฟังไม่ได้ตรวจสอบให้ครบถ้วนจากทั้งสองฝ่าย ถึงมูลเหตุหรือแรงจูงใจในพฤติกรรมหนึ่งๆ
ในทางจิตวิทยาแล้ว เรื่องในลักษณะดังกล่าวนี้ยากที่จะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ แต่ "ปม" ที่ทำให้เกิดเรื่องน่าสะเทือนใจนี้ย่อมมีที่มาที่ไป เรียกได้ว่าเป็นปมที่ฝังรากลึกจนกลายเป็นความฝังใจที่ทำให้เกิดจิตใจเช่นนี้ได้
ปมหนึ่งที่อาจจะเป็น "เชื้อ" ที่ค่อยๆบ่มเพาะให้ลูกคนหนึ่งปักใจและฝังใจเชื่อมาตลอดก็คือปม "แม่รักลูกไม่เท่ากัน" หรือปม "แม่รักพี่ชายมากกว่า"
ผลกระทบด้านบวกของปม "แม่รักลูกไม่เท่ากัน" มีส่วนผลักดันให้ลูกคนเล็กซึ่งก็คือหมอตั๊วมีแรงจูงใจมีความมุ่งมั่นที่จะทำอะไรต่อมิอะไรให้เหนือกว่าให้ดีกว่าพี่ชายให้ปรากฏต่อสายตาของผู้เป็นแม่
แต่ด้วยปมเดียวกันนี้ อาจจะมีพลังมหาศาลที่สามารถทำให้ลูกสามารถทำอะไรก็ได้จนลืมสายสัมพันธ์สายโลหิต
เช่นเดียวกับปมของคุณยายสุภานีก็ต้องมีเหตุจูงใจให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้
สมมติฐานหนึ่งที่เชื่อว่า เป็น "ปม" ของเรื่องน่าสะเทือนใจเช่นนี้ ก็อาจจะเป็นเพราะความเชื่อปักใจและฝังใจมาตลอดทั้งชีวิตของผู้เป็นลูกว่า "แม่ไม่เคยคิดจะให้ลูกเกิดมามีชีวิตตั้งแต่แรก" แต่เมื่อเกิดมาแล้ว "แม่ก็ไม่ได้ให้ชีวิตอะไรกับลูก ซ้ำร้ายยังคิดทำร้ายและทำลายลูกอีกด้วย"
เป็นความรู้สึก เป็นปมที่ฝังใจลูกมาตลอดทั้งชีวิต ซึ่งจะมีเฉพาะแม่และลูกเท่านั้นที่รู้ข้อเท็จจริงประการนี้
บางครั้ง ปมลูกและปมแม่เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเกินไปจนยากจะสมานได้ด้วยเวลาของปมที่ผ่านมาเนิ่นนาน
มีกรณีสองตัวอย่างที่อยากให้ผู้อ่านได้ลองพิจารณาเทียบเคียง เพื่อจะเข้าใจสภาพและสภาวะจิตใจของมนุษย์เรามากขึ้น
กรณีหนึ่ง เกิดขึ้นกับ Mario Balotelli นักฟุตบอลผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์ลูกหนังอิตาลี ที่กำลังเป็นสตาร์ดาวดังในวงการฟุตบอลยุโรป
เรื่องเศร้าก็คือว่า Mario Balotelli ถูกเลี้ยงดูโดยพ่อแม่บุญธรรม อาจจะด้วยเหตุผลความยากจนหรือปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้พ่อแม่แท้ๆจำใจต้องสละและให้คนอื่นเลี้ยงดูตั้งแต่ยังวัยอ่อน
Mario Balotelli ปักใจและฝังใจเชื่อว่า ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งอย่างไม่มีเยื่อไยหรือสายใยแห่งความรัก และพูดอย่างน่าสะเทือนใจ(สำหรับคนไทย) ว่า ตอนเล็กๆตอนลำบากทำไมหัวอกของผู้เป็นพ่อเป็นแม่จึงกล้าทิ้งลูกน้อยได้ลงคอ(?) แต่พอในวันนี้ ลูกชายคนนี้กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงมีเงินมีทอง ทำไมพ่อแม่จึงมาทวงสิทธิความเป็นพ่อเป็นแม่(?)
Mario Balotelli |
อีกกรณีหนึ่ง เกิดขึ้นจากการฟังรายการวิทยุรายการหนึ่ง มีผู้หญิงคนหนึ่งโทรเข้าไปในรายการเพื่อขอความช่วยเหลือด้านการเงิน เนื่องจากลูกชายวัยสองขวบต้องรับการผ่าตัดและมีค่าใช้จ่าย เธอเล่าให้ฟังถึงชีวิตที่น่าสะเทือนใจว่า ลูกเกิดมามีความไม่ปกติในอวัยวะภายในหลายๆส่วน ลูกไม่ได้มีชีวิตที่ปกติเหมือนเด็กคนอื่นๆ และหมอผู้รักษาก็บอกกล่าวยืนยันว่า ลูกชายจะไม่มีวันมีชีวิตเหมือนเด็กทั่วๆไป
ความรักของแม่ผู้นี้ที่มีต่อลูกใหญ่หลวงยิ่งนัก แต่ความรักดังกล่าวก็ทำให้เกิดปัญหาชีวิตอื่นๆตามมา เพราะอาการเจ็บป่วยของลูกชายที่ทำให้เธอต้องลาออกจากงานมาดูแลอย่างใกล้ชิด นานวันเข้า ผู้เป็นพ่อซึ่งก็คือสามีของเธอก็ประสบกับปัญหาความเครียด ที่เป็นเสมือนภูเขาไฟ
ถึงแม้ว่าจะเป็นพระ แต่ผ้าเหลืองก็ไม่สามารถปิดกั้นหรือห้าม |
การแสดงออกซึ่งความรักความผูกพันระหว่างแม่และลูกได้
ความรักความผูกพันคือความงามของมนุษย์เรา |
จนกระทั่งวันหนึ่งมาถึงจุดที่สามีและครอบครัวของสามีไม่อาจทนรับสภาพความเครียดเช่นนี้ได้อีกต่อไป สามีได้หนีออกจากบ้าน หนีออกไปจากชีวิตของภรรยาและของลูกชายอย่างถาวร ซ้ำร้ายครอบครัวฝั่งสามีก็ปฏิเสธและขับไล่ทั้งเธอและลูกชายออกจากบ้านให้ไปเผชิญชะตา กรรมชีวิตด้วยตนเองอย่างน่าสงสาร
แม้จะต้องสูญเสียชีวิตครอบครัว แม้จะไม่มีงานทำหรือมีรายได้ใดๆ และแม้ว่า คุณหมอจะยืนยันว่าวันเวลาของลูกชายมีจำกัด และไม่มีวันที่จะรักษาอาการป่วยหนักของหนูน้อยได้ แต่เธอก็ยังมีความเชื่อในเรื่องปาฏิหารย์
ถ้าปาฏิหารย์มีจริง เมื่อเติบใหญ่ไป ลูกชายคนนี้จะต้องเป็นลูกรักที่รักและดูแลแม่อย่างดีที่สุด
เพราะลูกคนนี้ไม่มีปมให้สามารถก่อเรื่องน่าสะเทือนใจผู้คนได้
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น