27 กันยายน 2555

ปมแม่ - ปมลูก

.




ปรัศนีย์ของสังคมในวันนี้ ก็คือ "เกิดอะไรขึ้น" 

สังคมตั้งคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นในสังคมไทย จึงทำให้เกิดปัญหาถกเถียงยากหาข้อสรุปในเรื่องที่เกี่ยวกับปมแม่ปมลูกถึงสองกรณี  

ปมหนึ่ง กรณีของแม่วัยชรานามคุณยายถนิม เลาหะวัฒนะ ผู้ถูกโยงใยให้กลายเป็นจุดศุนย์กลางในความขัดแย้งระหว่างลูกชายทั้งสองที่สังคมไทยให้ความสนใจ นั่นคือนายสุเทพและ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ พี่น้องร่วมสายโลหิตแห่งตระกูล "เลาหะวัฒนะ"

พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะกำลังเผชิญชะตากรรมชีวิตที่อาจะเรียกว่าหนักหนาที่สุดในชีวิต ด้วยข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตจา ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของตำรวจและผู้เกี่ยวข้องอื่นๆที่จะต้องทำให้ความจริงนี้กระจ่างแจ้ง

ในช่วงเวลาที่ตำรวจดำเนินการขุดค้นเพื่อหาซากศพหรือโครงกระดูกเกี่ยวกับคดีการหายตัวไปของสามีภรรยาชาวเมืองเพชร    ภาพคลิปของคุณยายนิ่มก็ปรากฏขึ้นเหมือนให้ความกระจ่างกับสังคมที่สะท้อนถึงพฤติกรรมและจิตใจของ "ลูกชายคนเล็ก" ด้วยคำพูดที่สะเทือนใจ

 "มันไม่มีที่อยู่ มันคิดฆ่าแม่แน่ ไอ้ตั้วใจร้ายมาก มันไม่ได้รักแม่เลย เลี้ยงมันมา ให้เงินมันตั้งแยะ อกตัญญูและบาปกรรม ทุกวันนี้ก็เห็นแล้ว กรรมเวรมันได้รับแล้ว"


ในความพยายามหนึ่ง  พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์หรือหมอตั๊วต้องการให้สังคมไทยได้เห็นอีกด้านอีกมุมหนึ่งว่า ตัวเองเป็นคนรักแม่และแม่ก็รักลูกคนนี้จริงๆ ด้วยภาพที่ปรากฏต่อสาธารณชนที่สะท้อนเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากความรักความผูกพันระหว่างแม่และลูกคนเล็กคนนี้ พร้อมทั้งยืนยันว่า ใครบ้างจะไม่รักแม่ตัวเองบ้างมีไหมในโลกนี้ "



“ใครบ้างจะไม่รักแม่ตัวเองบ้างมีไหมในโลกนี้ "



นอกเหนือจากคดีที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแล้ว  พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ก็ต้องสู้กับคดีทางสังคมในข้อหาว่า เป็นลูกอกตัญญู(?)

อีกปมหนึ่ง เป็นเรื่องราวของคุณยายสุภาณี ศรีสุภะ อดีตเจ้าแม่พัฒน์พงศ์ ที่ชีวิตตกอับไร้ที่อยู่ที่พักพิง ไร้ลูกหลานพี่น้องเหลียวแล

สังคมไทยได้รับรู้เรื่องราวจากปากของคุณยายสุภาณีอย่างสะเทือนใจว่า ถูกลูกในไส้ถูกหลานในอกขับไล่ไส่ส่งออกจากบ้านอย่างน่าอดสูเป็นที่สุด(?) แม้กระทั่งเงินเลี้ยงดูจากทางการก็ถูกลูกเก็บลูกกันไว้ไม่ให้ใช้  

จนสุดท้ายเมื่อไร้ที่พำนักอาศัยจริงๆ จึงต้องโยกย้ายไปอยู่บ้านพักคนชรา ที่พึ่งสุดท้ายจริงๆของคนวัยชรา

ถึงแม้จะเป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระ  แต่ทั้งสองกรณีก็สร้างความรู้สึกสะเทือนใจให้กับผู้คนในสังคมไม่น้อย

เป็นความสะเทือนใจที่สังคมไทยไม่สามารถรับได้กับพฤติกรรมและจิตใจของผู้เป็นลูกที่กระทำต่อแม่ผู้ให้กำเนิด 

แต่บางครั้งสังคมไทยเราก็มักจะตัดสินเรื่องใดเรื่องหนึ่งในทันทีแบบ take it for granted หรือ "รู้ๆกันอยู่" โดยไม่ได้ฟังไม่ได้ตรวจสอบให้ครบถ้วนจากทั้งสองฝ่าย ถึงมูลเหตุหรือแรงจูงใจในพฤติกรรมหนึ่งๆ

ในทางจิตวิทยาแล้ว เรื่องในลักษณะดังกล่าวนี้ยากที่จะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ แต่ "ปม" ที่ทำให้เกิดเรื่องน่าสะเทือนใจนี้ย่อมมีที่มาที่ไป เรียกได้ว่าเป็นปมที่ฝังรากลึกจนกลายเป็นความฝังใจที่ทำให้เกิดจิตใจเช่นนี้ได้

ปมหนึ่งที่อาจจะเป็น "เชื้อ" ที่ค่อยๆบ่มเพาะให้ลูกคนหนึ่งปักใจและฝังใจเชื่อมาตลอดก็คือปม "แม่รักลูกไม่เท่ากันหรือปม "แม่รักพี่ชายมากกว่า"

ผลกระทบด้านบวกของปม "แม่รักลูกไม่เท่ากัน" มีส่วนผลักดันให้ลูกคนเล็กซึ่งก็คือหมอตั๊วมีแรงจูงใจมีความมุ่งมั่นที่จะทำอะไรต่อมิอะไรให้เหนือกว่าให้ดีกว่าพี่ชายให้ปรากฏต่อสายตาของผู้เป็นแม่ 

แต่ด้วยปมเดียวกันนี้ อาจจะมีพลังมหาศาลที่สามารถทำให้ลูกสามารถทำอะไรก็ได้จนลืมสายสัมพันธ์สายโลหิต

เช่นเดียวกับปมของคุณยายสุภานีก็ต้องมีเหตุจูงใจให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้

สมมติฐานหนึ่งที่เชื่อว่า เป็น "ปม" ของเรื่องน่าสะเทือนใจเช่นนี้ ก็อาจจะเป็นเพราะความเชื่อปักใจและฝังใจมาตลอดทั้งชีวิตของผู้เป็นลูกว่า "แม่ไม่เคยคิดจะให้ลูกเกิดมามีชีวิตตั้งแต่แรก" แต่เมื่อเกิดมาแล้ว "แม่ก็ไม่ได้ให้ชีวิตอะไรกับลูก ซ้ำร้ายยังคิดทำร้ายและทำลายลูกอีกด้วย"

เป็นความรู้สึก เป็นปมที่ฝังใจลูกมาตลอดทั้งชีวิต ซึ่งจะมีเฉพาะแม่และลูกเท่านั้นที่รู้ข้อเท็จจริงประการนี้

บางครั้ง ปมลูกและปมแม่เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเกินไปจนยากจะสมานได้ด้วยเวลาของปมที่ผ่านมาเนิ่นนาน 

มีกรณีสองตัวอย่างที่อยากให้ผู้อ่านได้ลองพิจารณาเทียบเคียง เพื่อจะเข้าใจสภาพและสภาวะจิตใจของมนุษย์เรามากขึ้น

กรณีหนึ่ง เกิดขึ้นกับ Mario Balotelli  นักฟุตบอลผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์ลูกหนังอิตาลี ที่กำลังเป็นสตาร์ดาวดังในวงการฟุตบอลยุโรป  

เรื่องเศร้าก็คือว่า Mario Balotelli  ถูกเลี้ยงดูโดยพ่อแม่บุญธรรม   อาจจะด้วยเหตุผลความยากจนหรือปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้พ่อแม่แท้ๆจำใจต้องสละและให้คนอื่นเลี้ยงดูตั้งแต่ยังวัยอ่อน

Mario Balotelli  ปักใจและฝังใจเชื่อว่า ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งอย่างไม่มีเยื่อไยหรือสายใยแห่งความรัก  และพูดอย่างน่าสะเทือนใจ(สำหรับคนไทย) ว่า ตอนเล็กๆตอนลำบากทำไมหัวอกของผู้เป็นพ่อเป็นแม่จึงกล้าทิ้งลูกน้อยได้ลงคอ(?) แต่พอในวันนี้ ลูกชายคนนี้กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงมีเงินมีทอง ทำไมพ่อแม่จึงมาทวงสิทธิความเป็นพ่อเป็นแม่(?)




Mario Balotelli 




อีกกรณีหนึ่ง เกิดขึ้นจากการฟังรายการวิทยุรายการหนึ่ง มีผู้หญิงคนหนึ่งโทรเข้าไปในรายการเพื่อขอความช่วยเหลือด้านการเงิน  เนื่องจากลูกชายวัยสองขวบต้องรับการผ่าตัดและมีค่าใช้จ่าย   เธอเล่าให้ฟังถึงชีวิตที่น่าสะเทือนใจว่า ลูกเกิดมามีความไม่ปกติในอวัยวะภายในหลายๆส่วน ลูกไม่ได้มีชีวิตที่ปกติเหมือนเด็กคนอื่นๆ และหมอผู้รักษาก็บอกกล่าวยืนยันว่า ลูกชายจะไม่มีวันมีชีวิตเหมือนเด็กทั่วๆไป

ความรักของแม่ผู้นี้ที่มีต่อลูกใหญ่หลวงยิ่งนัก แต่ความรักดังกล่าวก็ทำให้เกิดปัญหาชีวิตอื่นๆตามมา เพราะอาการเจ็บป่วยของลูกชายที่ทำให้เธอต้องลาออกจากงานมาดูแลอย่างใกล้ชิด นานวันเข้า ผู้เป็นพ่อซึ่งก็คือสามีของเธอก็ประสบกับปัญหาความเครียด ที่เป็นเสมือนภูเขาไฟ   



ถึงแม้ว่าจะเป็นพระ แต่ผ้าเหลืองก็ไม่สามารถปิดกั้นหรือห้าม


                                                                        การแสดงออกซึ่งความรักความผูกพันระหว่างแม่และลูกได้




ความรักความผูกพันคือความงามของมนุษย์เรา



จนกระทั่งวันหนึ่งมาถึงจุดที่สามีและครอบครัวของสามีไม่อาจทนรับสภาพความเครียดเช่นนี้ได้อีกต่อไป สามีได้หนีออกจากบ้าน หนีออกไปจากชีวิตของภรรยาและของลูกชายอย่างถาวร  ซ้ำร้ายครอบครัวฝั่งสามีก็ปฏิเสธและขับไล่ทั้งเธอและลูกชายออกจากบ้านให้ไปเผชิญชะตา กรรมชีวิตด้วยตนเองอย่างน่าสงสาร

แม้จะต้องสูญเสียชีวิตครอบครัว แม้จะไม่มีงานทำหรือมีรายได้ใดๆ และแม้ว่า คุณหมอจะยืนยันว่าวันเวลาของลูกชายมีจำกัด และไม่มีวันที่จะรักษาอาการป่วยหนักของหนูน้อยได้  แต่เธอก็ยังมีความเชื่อในเรื่องปาฏิหารย์

ถ้าปาฏิหารย์มีจริง เมื่อเติบใหญ่ไป ลูกชายคนนี้จะต้องเป็นลูกรักที่รักและดูแลแม่อย่างดีที่สุด

เพราะลูกคนนี้ไม่มีปมให้สามารถก่อเรื่องน่าสะเทือนใจผู้คนได้



.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มอเตอร์ หรือ สติกเกอร์

เมื่อตอนที่ Real Madrid ทีมดังในสเปนตัดสินใจขาย Claude Makelele ให้กับทีม Chelsea แล้วซื้อ David Beckham มาแทนที่ในช่วงกลางปี 2003 ปรา...