15 กุมภาพันธ์ 2555

ไม่มีใครแก่เกินรัก

.



อานุภาพของความรักนั้น..บ่อยครั้งที่เป็นเรื่องมหัศจรรย์ ด้วยว่าสามารถทำเรื่อง Mission Impossible ให้เป็นเรื่อง Mission Possible ได้

บางครั้ง ความรักสามารถทำเรื่องที่เป็นเรื่องให้เป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องได้  บ่อยครั้งที่ความรักมีอานุภาพจนสามารถเปลี่ยนแปลงคนให้เป็นคนใหม่อย่างไม่น่าเชื่อ 

ว่ากันว่า ความรักสามารแปรเปลี่ยนถทำให้เด็กที่อารมณ์หุนหันพลันแล่นกลับกลายเป็น ผู้ใหญ่ที่ใจเย็นใจนิ่งได้มากขึ้น  แต่ในทางกลับกัน ความรักก็สามารถจุดเชื้อไฟใต้ภูเขาน้ำแข็งให้พลุ่งพล่านได้ สามารถทำให้คู่รักคู่สูงสัยที่ครองรักมาเนิ่นนานกาเลกลับกลายเป็น "เด็ก" ที่ไร้เหตุผลโดยไม่มีเหตุผล



ถึงแม้เส้นเอ็นจะปูดโปน แต่มือคู่นี้ก็อบอุ่นด้วยไอรัก 


เพราะความรักเป็นเรื่องสวยงาม มนุษย์จึงมักถวิลหาความรักอยู่ตลอดเวลา  เด็กน้อยถวิลหาความรักจากแม่พ่อ เป็นความรักที่บริสุทธิ์ไม่มีเงื่อนไขใดๆ  เช่นเดียวกัน ก็ไม่มีกฏธรรมชาติหรือรัฐธรรมนูญข้อไหนมาตราใดห้ามผู้สูงวัยไม่ให้ถวิลหาความรักได้

หากสังคมยอมรับว่า "ไม่มีใครแก่เกินเรียน" ก็ไม่มีใครสามารถห้ามกฏสังคมข้อหนึ่งว่า  "ไม่มีใครแก่หง่อมเกินรัก" ได้เช่นกัน

เรื่องราวของผู้สูงวัยชาวจีนคู่หนึ่งอาจจะไม่ค่อยเป็นข่าวเกรียวกราวมากนัก แต่เพราะความผูกพันที่มีมาต่อเนื่องถึง 8 ปีก็นานพอที่จะทำให้เจ้าบ่ายในวัย 106 ปีหลงรักและแต่งงานกับเจ้าสาววัย 81 ปี เพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีใครให้ผูกพัน เพราะต่างฝ่ายเพิ่งสูญเสียคู่ชีวิตก่อนพรมลิขิตบันดาลให้มาพบกัน เมื่อตัดสินใจผูกพันเป็นหนึ่งเดียว จึงให้สัญญายึดมั่นจะอยู่ด้วยกันจนวันสุดท้ายของชีวิต

นี่คือพลังอานุภาพแห่งความรักของคนสูงวัย

แต่หากจะนับอายุรวมแล้ว คู่รักคู่สูงวัยชาวฝรั่งเศสย่อมมีสถิติที่เหนือกว่า เพราะในวันที่ฟรังซัวร์ เฟอร์นันเดซและแมดเดอลีน ฟรังชิเนอร์ตัดสินใจเข้าสู่ประตูวิวาร์เมื่อ 10 ปีก่อน ทั้งคู่มีอายุห่างกันเพียงแค่ 2 ปีและมีอายุรวมกันได้ถึง 190 ปี


ถึงแม้ว่าจะมีัปํญหาในการได้ยินแต่เจ้าสาววัย 94 ปีก็สามารถได้ยินคำว่า "I love you" อย่างชัดถ้อยชัดคำ









ถึงแม้ว่าจะอยู่ในวัยเกินแกง แต่ทั้งคู่ก็เข้าถึงศิลปะแห่งการรอคอยและต้องรอเวลาถึงเวลาถึง 5 ปีกว่าที่เจ้าบ่าวจะสามารถเปล่งคำ "I love you" จากใจจริง

เหมือนเช่นคู่ของเฮนรี่ เคอร์ (97ปี) กับเวลรี่ เบอร์โกวิทซ์ (87ปี) และคู่ของเลส แอทเวล (94ปี)กับเชล่า เวลส์(87ปี)ที่รู้จักคบหาเป็นเวลา 4-5 ปีก่อนตัดสินใจเข้าสู่ประตูวิวาห์เป็นสถิติของประเทศอังกฤษ  ถือเป็นความงดงามในสายตาของคนอังกฤษ ที่เห็นเจ้าบ่าวในวัย 90 กว่าแต่งงานกับเจ้าสาวในวัย 80 กว่า  โดย
คู่แรกมีอายุรวมกัน 184 ปี มากกว่าอายุรวมกันของคู่หลัง 3 ปี  ยังไม่รวมคู่ของเจมส์ เมสันกับเพ็กกี้ และคู่้ของไซริล เซอร์จีนกับแมดก์ ร๊อบบินส์ที่มีอายุรวมกัน 178 ปีในวันแต่งงาน
 
การแต่งงานในวัยนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกสำหรับสังคมอังกฤษ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเงื่อนไขทางสังคมที่คนสูงวัยมักถูกทอดทิ้งไม่ได้รับการเหลียวแลจากลูกหลาน การมีใครสักคนหนึ่งเคียงคู่และเคียงข้างย่อมเป็นยาขจัดความเหงาความเปล่าเปลี่ยวได้เป็นอย่างดี



อายุขัยไม่ใช่อุปสรรคสำหรับชีวิตคู่และการแต่งรำของเฮนรี่ เคอร์และเวลรี่ เบอร์โกวิทซ์



แววตาที่สุกประกายบ่งบอกถึงความสุขแห่งความรักของคู่เลส แอทเวลกับเชล่า เวลส์



ใครจะนึกและเชื่อว่า ความรู้สึก first impression จะเกิดขึ้นในช่วงบั้นปลายของชีวิตได้

นี่คือมหัศจรรย์แห่งความรัก 

คู่ของเฮนรี่ เคอร์กับเวลรี่ เบอร์โกวิทซ์และคู่ของเลส แอทเวลกับเชล่า เวลส์สอดคล้องกับหลักการ "กรุงโรมไม่ได้สร้างในวันเดียว"  เพราะต้องใช้เวลาคบหาดูใจ 4-5 ปีจนชนะใจได้  ต่างฝ่ายต่างเชื่อมั่นในเรื่องของมหัศจรรย์แห่งความรัก และเข้าใจดีกว่าความอดทนเฝ้ารอคือบิดาแห่งความสำเร็จความสมหวัง  และผู้ชายสูงวัยทั้งสองต่างไม่ลืมที่จะแผ่ขยายรังสีโรแมนติกทุกครั้งทุกคราที่มีโอกาส เพื่อสร้างความประทับใจให้กับ girlfriend ที่ไม่ใช่ girl  อีกต่อไป

เฮนรี่ เคอร์ต้องเพียงพยายามเขียนบทกลอนเอื้อนเอ่ยถึงความรักอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่เลส แอทเวล เลือกที่จะบอกรัก ณ สถานที่ๆเคยพบกันเป็นครั้งแรก   น่าเสียดายที่ไม่ได้มอบดอกบัวเป็นสื่อรักในร้านกาแฟภายในห้างโลตัสให้ครบสูตร

แต่อย่างน้อยที่สุด ทั้งคู่ก็เลือกฮันนี่มูนให้อบอุ่นเต็มไปด้วยอารมณ์โรแมนติกอย่างคลาสสิกเท่าที่คนวัยนี้จะทำได้

สำหรับความรักของคนในวัยนี้  ไม่จำเป็นต้องวัดด้วยค่าเดซิเบลทดสอบการเตะปี๊บ ขอเพียงให้สามารถสั่นกระดิ่งกระฆังใจให้ดังแต่แผ่วเบาอยู่ในหัวใจได้ตลอดเวลาก็เพียงพอแล้ว

แต่เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ระยะเวลาของความรักไม่ได้เป็นสูตรตายตัวเสมอไปถึงความนิรันด์ถาวร ใครเลยจะคิดว่า คู่ชีวิตที่ใช้ชีวิตมาเนินนานถึง 77 ปีจะมีวันหย่าร้างกันได้เหมือนเช่นคู่ของอิตาเลี่ยนที่เพิ่งเกิดขึ้น

คู่(เคย)รักคู่ชีวิตนี้ ฝ่ายชายอายุอานามหย่อนร้อยปีไปหนึ่งปี ส่วนฝ่ายหญิงอายุปาเข้าไปเกือบ 96 ทั้งคู่แต่งงานมาได้นาน 77 ปี มีลูก 5 คน หลาน 12 คนและเหลนอีกหนึ่งคน

ทั้งๆที่อายุ 99 แล้ว แต่ฝ่ายชายกลับยอมรับไม่ได้เมื่อได้ค้นเจอจดหมายเก่าเก็บที่ภรรยาคู่ชีวิตเคยเขียนจดหมาย(รัก)ลับถึงผู้ชายอื่นในวัยสาวแรกรุ่น และทั้งๆที่เป็นจดหมายที่เขียนเมื่อ 70 ปีที่แล้ว แต่ฝ่ายชายกลับรู้สึกว่า ถูกหลอกมาตลอด

จนในที่สุด นำไปสู่การหย่าร้างในวัยที่เป็นสถิติโลก เป็นสถิติที่ยากจะหาใครมาทำลายได้ยาก

ไม่น่าเชื่อว่า ความรักความดีความประทับใจที่ผูกพันระหว่างกันมาตลอดมากกว่า 70 ปีจะไร้ความหมายไปในทันทีเพียงแค่จดหมายหนึ่งฉบัับที่เขียนขึ้นมานานมากแล้ว

เหมือนเช่นคู่อังกฤษของเบอร์ตี้ วูดและเจสซี่ วูดที่ต้องจุติชีวิตคู่ที่ร่วมกันมากว่า 36 ปีโดยไม่ทราบเหตุผล ทั้งๆที่ทั้งคู่น่าจะมีแรงจูงใจที่จะประคับประคองให้ชีวิตคู่ดำรงต่อไปอย่างน้อยอีกสองปี เพื่อฉลองอายุครบร้อยของทั้งคู่

ถ้าหากเราเชื่อว่า ไม่มีใครแก่เกินรัก  เราก็ต้องเชื่อด้วยว่า ไม่มีใครที่แก่เกินจนไม่สามารถยุติความรัก ได้ และ  ไม่มีใครแก่เกินจนแยกทางไม่ได้



.

14 กุมภาพันธ์ 2555

ความรักของผู้นำ

.



         คนที่เป็นผู้นำนั้นมีสองฐานะที่ทั้งเหมือนและแตกต่างจากคนอื่นๆทั่วไป
         ด้านหนึ่งเป็น Special One เป็นผู้ำนำของคนจำนวนมาก
         อีกด้านหนึ่ง เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่เหมือนคนอื่นๆ ที่มีอารมณ์ความรู้สึก มีความรักความยินดี มีความเกลียดความริษยา มีความดีความผิดพลาดตามแต่โอกาส
         แต่เพราะมีฐานะเป็นผู้นำ ที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่า เด่นกว่า หรืออยู่ตรงกลาง  ผู้นำที่ยิ่งใหญ่จึงต้องแสดงออกซึ่งความเป็น Special One และความเป็นมนุษย์ที่มีหัวจิตหัวใจมีความรัก
          ผู้นำบางคนเลือกที่จะเป็นผู้นำแบบ Special One แบบหนึ่งเดียวในโลกนี้ โดยไม่แสดงออกซึ่งหัวใจสีชมพู  แต่ผู้นำอีกหลายๆคนกลับกระทำในทางตรงกันข้าม แต่ก็มีผู้นำบางส่วนที่โดดเด่นในความเป็น Special One และชัดเจนในเรื่องของความรัก



ฮิตเลอร์ในวันหวานชื่อกับอีวา บราวน์
          


           ชื่อของอด๊อฟ ฮิตเลอร์ยากที่จะอยู่ในหัวใจของผู้ที่รักสันติภาพและแสวงหาความสุึขสงบทั่วโลก  เพราะเขาคือผู้เปิดศึกก่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ว่ากันว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ที่ร้ายแรงและเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
          แต่ในอีกด้านหนึ่ง อย่างน้อยที่สุด ฮิตเลอร์ซึ่งถูกเรียกขานว่าเป็นอาชกรสงครามตัวพ่อแห่งศตวรรษที่ 20 ก็ยังมีด้านที่สวยงาม(ที่ยังคงเป็นปริศนาอยู่)
          นอกจากจะมีฝีมือในด้านการวาดภาพที่สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อแล้ว เสน่ห์ข้อหนึ่งของผู้นำนาซีคนนี้คือไม่เคยด่างพร้อยหรือถูกกล่าวหาว่าเป็นเสือผู้หญิง  ซึ่งแตกต่างจากผู้นำเผด็จการคนอื่นๆ   ฮิตเลอร์ อาจจะมีคู่หมั้น(ที่ไม่สมหวัง)ในวัยหนุ่มหรือมีการกล่าวถึงว่าฮิตเลอร์เคยมีความรักเคยมีคนรักไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง แต่นั่นเป็นเรื่องเป็นหน้าที่ของนักประวัติศาสตร์ที่ต้องศึกษาสืบค้นหาความจริงให้ปรากฏ 
          ความไม่ใส่ใจในเรื่องของความรัก จนมีการกล่าวหาว่าฮิตเลอร์มีความผิดปกติ (ทางด้านร่างกายและจิตใจ)  แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ฮิตเลอร์เป็นผู้นำที่ให้เกียรติผู้หญิงมากๆ เป็นผู้ชายที่มีผู้หญิงจำนวนมากหลงใหลและหลงรัก  แต่สุดท้าย ฮิตเลอร์ผู้ซึ่งถือเอาภาระหน้าที่เหนือความรัก ก็ตัดสินใจแต่งงานกับอีวา บราวน์ในช่วงเวลาที่เยอรมนีกำลังจะพ่ายแพ้สงคราม และตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยกันในอีกสองวันต่อมา เรียกว่าเป็นผู้นำที่มีชีวิตสมรสสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้
    

           เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า ผู้นำหลายคนกลับเปลี่ยนแปลงไปนับตั้งแต่ได้ขึ้นครองอำนาจ โดยเฉพาะพฤติกรรมทีเรียกว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อความรัก ชื่อเสียของอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน อดีตนายกรัฐมนตรีซิลวิโอ เบอร์ลุสโคนี่แห่งอิตาลี่  อดีตผู้ว่าคนเหล็กแห่่งแคลิเฟอร์เนีย อาร์โนลด์ ชวาซเนกเกอร์  รวมทั้งวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย ที่มีพฤติกรรมนอกใจภรรยาจนถึงขั้นนำไปสู่การหย่าร้างนั้น ย่อมเป็นตราบาปให้ผู้นำเหล่านี้
           นักจิตวิทยาบางคนบอกว่า อำนาจที่หอมหวลนี้มีส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้นำคนนั้นๆเปลี่ยนแปลงไป บางคนให้เหตุผลว่า ด้วยภาระหน้าที่ความเป็นผู้นำที่หนักหนาและกดดัน อาจมีส่วนทำให้ผู้นำคนนั้นๆแสวงหาความรักใหม่ๆ       แม้กระทั่ง อดีตผู้นำคนดังอย่างจอห์น เอฟ เคนเนดี้ก็มีข่าวปรากฏว่า มีความสัมพันธ์ปันใจให้กับดาวดังในยุคนั้นอย่างมาริลีน มอนโร


          แต่อย่างน้อยที่สุด ผู้นำที่ยิ่งใหญ่หลายๆคนกลับเป็นตัวอย่างที่ดี ผู้สร้างแบบอย่างผู้นำแบบ Special One และสร้างตำนานแห่งความรักที่น่าจดจำไปพร้อมๆกัน หนึี่่่งในตำนานนั้นคือชื่อของมิคาอิล กอร์บาชอฟ อดีตผู้นำของสหภาพโซเวียต ผู้นำนโยบายกลาสนอสและนโยบายเปเรสตรอยก้ามาปฏิบัติ จนเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงโลกการเมืองระหว่างประเทศ
          ว่าไปแล้ว เราเป็นหนี้บุญคุณกอร์บาชอฟไม่น้อย เพราะเขาคือผู้นำที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและทำให้สหภาพโซเวียตกลายเป็นอดีต ทำให้ลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปและส่วนอื่นๆของโลกถึงกาลอวสาน
          นอกจากจะเป็นผู้นำ Special One กอร์บาชอฟก็ยังพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นผู้นำที่ซื่อสัตย์ในความรักต่อคู่ชีวิต ไรซ่า กอร์บาชอฟจนวันสุดท้าย


ไรซ่าสตรีคู่ชีวิตเคียงข้างกอร์บาชอฟ

          ตลอดช่วงระยะเวลกว่า 46 ปีที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข ไ้ด้ฝังราก "รักแท้" ลึกจนยากจะสั่นทอน จนทำให้ประธานาธิบดีคนสุดท้ายของสหภาพโซเวียตคนนี้ถึงกับทำใจไม่ได้ เมื่อคู่ชีวิตได้จากลาไปด้วยโรคมะเร็ง  ทำให้ผู้นำคนนี้ถึงกับหลั่งน้ำตาในวันที่ต้องสูญเสีย "ไรซ่า"




ในวันที่กอร์บาชอฟหลั่งน้ำตา อาลัยกับวันสุดท้ายของคู่ชีวิต

     

             เพราะรักแท้ที่มีให้ต่อไรซ่า  กอร์บาชอพได้ทำทุกอย่างเพื่ออุทิศความดีให้กับภรรยาสุดที่รักคนนี้ เขาได้บันทึกเทปเพลงโปรดของไรซ่าเพื่อการกุศล  เปิดพิพิธภัณฑ์เพื่อให้ชาวรัสเซียได้ระลึกถึงอดีตสตรีหมายเลขหนึ่งคนนี้


ความรักแท้ที่อบอุ่นจริงใจหวานชื่นของเรแกนและแนนซี่


          ในอีกฟากหนึ่ง อดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกนก็สร้างประวัติศาสตร์สร้างตำนานที่ไม่อาจลืมเลือนได้  เรแกนเป็นผู้นำสหรัฐฯในยุคเดียวกับที่กอร์บาชอพเป็นผู้นำโซเวียต  เป็นผู้มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งยวดที่ทำให้สงครามเย็นสิ้นสุดลง ถือเป็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่ที่เรแกนได้ทำให้กับชาวอเมริกันและชาวโลกมีวันนี้ได้
          นอกจากจะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำสหรัฐฯที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศแล้ว เรแกนก็ได้รับการยกย่องมีคู่รักชีวิตคู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ผู้นำอเมริกันทั้งหมด
         ถึงแม้ว่า แนนซี่จะไม่ใช่ภรรยาคนแรกในชีวิตของเรแกน  แต่เมื่อทั้งคู่ตกลงปลงใจแต่งงานกัน ก็ได้ใช้ชีวิตคู่อย่างหวานชื่นตลอดมาร่วม 52 ปีจนวันสุดท้ายของเรแกน
         เหมือนเช่นกอร์บาชอฟทีปฏิบัติต่อไรซ่า  แนนซี่ได้อุทิศเวลาด้วยหัวใจเต็มร้อยเพื่อดูแลสามีคู่ชีวิตคนนี้จนวันสุดท้าย
         แน่นอนที่สุด อดีตประธานาธิบดีเรแกนเป็นคนโรแมนติกทะนุถนอมความรักที่มีต่อภรรยาคู่ชีวิตอย่างไม่มีใครเหมือน
          ในวันที่เขียนจดหมายเปิดผนึกแจ้งให้คนอเมริกันรับทราบว่าโชคร้ายเป็นโรคอัลไซเมอร์    ความปรารถเพียงหนึ่งเดียวของเรแกนถึงแม้ว่าจะต้องทนทรมานกับโรคร้ายนี้ก็คือ จะทำอย่างไรที่จะไม่ให้ลืมเลือนคู่รักคู่ชีวิตที่ชื่อแนนซี่คนนี้ได้
          นี่คือพลังแห่งความรักที่ถึงกับทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆบอบบางอย่างแนนซี่ยิ้มไม่หุบ 
          และในวันสุดท้ายแห่งชีวิต  เรแกนก็ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งถึงความซื่อสัตย์ต่อความรักที่มีต่อแนนซี่ เป็นพลังแห่งความรักที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา



จุมพิตสุดท้ายเพื่อรักนิรันด์

 
          ณ ลมหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนที่จะสิ้นใจ จู่ๆเรแกนซึ่งหลับไสลไม่ได้สติมาเป็นเวลานานพลันลืมตาแล้วจ้องมองไปที่แนนซี่ด้วยสายตาแห่งความรักแท้  เป็นรักสุดท้ายและรักนิรันด์ระหว่างคนสองคน
         นี่คือสิ่งที่อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯคนนี้เรียกว่า "ของขวัญ" ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้รับจากคู่ชีวิตคนนี้ ถึงว่าจะเป็นของขวัญในวันสุดท้ายแห่งความรักก็ตาม
         "ไมีมีสิ่งใดจะกล้าแกร่งเกินกว่าความรัก(แท้)ของคนสองคน"


      

.

มอเตอร์ หรือ สติกเกอร์

เมื่อตอนที่ Real Madrid ทีมดังในสเปนตัดสินใจขาย Claude Makelele ให้กับทีม Chelsea แล้วซื้อ David Beckham มาแทนที่ในช่วงกลางปี 2003 ปรา...