นับเป็นเรื่องแปลกหรือเรื่องบังเอิญที่อยู่ๆ เกิดปรากฏการณ์ “สี” เกี่ยวข้องกับอดีตนายกรัฐมนตรี
สองท่านราวกับนัดหมาย และเป็นสิ่งที่ดูเหมือนขัดกับความรู้สึกหรือขัดสายตาของผู้คนในสังคม
ชนิดที่ไม่อยากเชื่อ
ไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้
แต่เป็นไปแล้ว
คืนวันที่ 29 กรกฏาคม คุณอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะสร้างความประหลาดใจให้ผู้คนอย่างชนิดแทบไม่เชื่อสายตา เพราะอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27
ของประเทศคนนี้สวมใส่เสื้อสีแดงขึ้นเวทีกล่าวปราศรัย “เดินหน้าผ่าความจริงหยุดล้มรัฐธรรมนูญ-ออกกฎหมายล้างผิดคนโกง” เรียกร้องให้มีการคืน “สีแดง”
ให้กับประชาชน เพราะ “สีแดง”
ไม่ใช่ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
จนเกิดคำถามขึ้น ว่า
คุณอภิสิทธิ์ไปรับประทานดีหมีมาจากไหน
จึงกล้าหาญใส่เสื้อสีแดงปรากฏต่อสาธารณชนเช่นนี้ เพราะจุดยืนทางการเมืองของอดีตผู้นำคนนี้ตรงข้ามหรือเป็นเส้นขนานกับ"สีแดง"อย่างชัดเจน
เสมือนหนึ่งเป็นการท้าทายกลุ่มคนเสื้อแดง(?)
คุณอภิสิทธิ์ให้เหตุผลว่า
ที่ใส่สีแดงก็เพราะสีแดงเป็นของทุกคน
ไม่ควรทีใครหรือกลุ่มใดจะยึดถือเป็น(สี)ของตัวเอง และในฐานะประชาชนคนหนึ่งก็ควรที่จะมีสิทธิและเสรีภาพ(ในการเลือกสวมใส่เสื้อ
สีอะไรก็ได้) โดยไม่ควรที่จะมีใครมาขัดขวางหรือต่อว่า
และถือเป็นความตั้งใจของอดีตผู้นำคนนี้ที่เจตนาใส่เสื้อสีแดง
เพื่อบอกกับคนที่อ้างตัวว่าเป็นเสื้อแดงและชอบว่า “สีแดงเป็นอุดมการณ์”
"อภิสิทธิ์" กับเสื้อสีแดงที่ไม่คุ้นตา |
จนเกิดกระแสไม่ยอมรับจากกลุ่มคนเสื้อแดงทำนอง“สีแดงข้าเอ็งอย่าใส่” หรือในภาษาสำนวน ของคุณณัฐวุฒิ
ใสยเกื้อแกนนำสำคัญของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ว่า “เหมือนอยู่ในบ้านและเห็นแมลงสาป
จะเข้าบ้าน เป็นธรรมดาที่เจ้าของบ้านต้องต่อต้าน”
คุณณัฐวุฒิมองว่า อดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้ “ผิด
ปกติและอาการและอยู่ในขั้นที่ประชาชนต้องพิจารณาแล้ว
เพราะหลังจากพรรคประชาธิปัตย์เปิดเวทีปราศรัยทั่วประเทศอาการก็เริ่มหนัก
ขึ้นทุกวัน” พร้อมทั้งยืนยันว่า
การใส่เสื้อแดงไม่ได้ให้ความหมายเหมือนที่คุณอภิสิทธิ์ต้องการ และไม่มีผลกระทบ
ต่อ
ความเคลื่อนไหวหรือทำให้การต่อสู้ของคนเสื้อแดงอ่อนแอหรือแตกแยกแต่อย่างใด มี แต่จะทำให้ คนเสื้อแดงตื่นตัว
เข้มแข็งและรวมพลังกันมากขึ้น
เพราะรู้ว่าท่าที(การใส่เสื้อสีแดง)ของคุณอภิสิทธิ์ไม่ จริงใจ แต่ มีเป้าหมายทางการเมืองแอบแฝง
ส่วนคุณธิดา ถาวรเศรษฐ์
ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
อดีตอาจารย์เภสัชฯลงความเห็นว่าคุณอภิสิทธิ์
“เพี้ยนไปแล้วจนไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นใคร การที่เป็น
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แล้วทำแบบนี้เหมือนมาเล่นตลกให้คนดู”
สอดคล้องกับความ เห็นของคุณ นพดล
ปัทมะ ที่กระทบกระเทียบว่า "การใส่เสืือแดงที่ทุกคนมีสิทธิใส่
แต่บางคนใส่แต่เข้าไม่ถึงจิตวิญญาณของเสื้อแดง และใส่เพื่อวัตถุประสงค์ ที่ฉาบฉวย จนบางคนดูแล้วขบขัน”
หนักเข้า ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุลถึงขั้นมองว่า
คุณอภิสิทธิ์กำลัง “เป็นคนที่จิตป่วยมากๆแล้ว
ท่านต้องพบจิตแพทย์ และหลบไปอยู่ในที่สงบๆสักพัก”
Facebook ช่องทางสื่อ "สี" |
วันถัดมา (ราวกับนัดหมาย) คุณพานทองแท้ ชินวัตร
ลูกชายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้โพสต์
ในเฟซบุ๊กบอกกล่าวให้สังคมไทยได้รับรู้รับทราบว่า วันที่ 30 กรกฏาคม 2555 “เป็นวันที่
โอ๊ค, เอม, อิ๊งค์
ถือเป็นจุดเริ่มต้นของครอบครัวเรา” เพราะ “เป็นวันครบ 3 รอบ (36 ปี) ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานน้ำสังข์เนื่องในงานมงคลสมรสระหว่างร้อย
ตำรวจเอกทักษิณ ชินวัตร กับนางสาวพจมาน ดามาพงศ์”
ในเฟสบุ๊กดังกล่าว ลูกชายคนเดียวของอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23
ได้ลงภาพประกอบของครอบครัว “ชินวัตร” ที่ใกล้ชิดอบอุ่นอย่างมีความหมาย
ถึงแม้ว่าจะเป็นภาพเก่าที่ถ่ายมานานพอสมควร(ไม่น่า จะต่ำกว่า 10 ปี?)
"ทักษิณ" กับเสื้อสีเหลืองในอดีต |
"ทักษิณ" สวมใส่เสื้อเหลืองจ๋า |
แม้แต่ทนายโรเบิร์ต อัมสเตอดัมยังเคยผูกไทเหลือง |
เชื่อได้ว่า
เป็นความตั้งใจของคุณพานทองแท้ที่ลงภาพของคุณทักษิณและคุณหญิงพจมานใน ชุดเสื้อสีเหลือง
เป็นความตั้งใจที่ต้องการให้ภาพดูสอดคล้องกับตัวอักษร
ในขณะที่สังคมไทยไม่เคยเห็นคุณอภิสิทธิ์สวมใส่เสื้อสีแดงมาก่อนเลยแต่สำหรับคุณทักษิณแล้ว
เสื้อสีเหลืองไม่ใช่ของแสลงที่ไม่เคยสวมใส่ เพราะโดยข้อเท็จจริง สังคมไทยได้เห็นอดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้สวมใส่เสื้อสีเหลืองในหลายครั้งหลาย
โอกาส โดยแทบไม่มีเสียงคัดค้านต่อต้านใดๆจาก
กลุ่มคนเสื้อเหลืองหรือฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
ด้วยเหตุนี้ คุณทักษิณจึงโชคดีมากกว่าคุณอภิสิทธิ์
ไม่ว่าอดีตผู้นำทั้งสองจะใส่เสื้อสีอะไรและในโอกาสวาระไหน
แต่อย่างน้อยที่สุด สีเสื้อที่สวมใส่ ไม่สามารถสะท้อนให้เห็นว่า
อดีตผู้นำทั้งสองเปลี่ยนไป(?)
.