26 ธันวาคม 2553

"ฉันหลงเมีย ไม่ใช่หลงผู้หญิงที่ไหน"

.
ถึงแม้ว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีมเหสีเจ้าจอมหม่อมห้ามหลายคน แต่เป็นที่รับทราบกันดีว่า  พระองค์ทรงโปรดปรานสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีพระบรมราชินาถมากที่สุดและมากเป็นพิเศษ



เล่ากันว่า ในช่วงที่จำเป็นต้องเสด็จประพาสยุโรปในปีพ.ศ. 2440 ด้วยเหตุผลเกี่ยวข้องกับอนาคตของประเทศนั้น พระองค์ทรง

                "โทมนัสอัดอกอึ้ง     อาวรณ์  
              จำจิตจำจากสมร        หม่นไหม้"

เพราะ "ไกลบ้าน" คือ ไกลห่าง "ผู้อันเป็นสิเน่หา"

ในช่วงเวลาที่เสด็จนิวัติ ณ ต่างประเทศนี้  พระองค์ทรงมีพระราชหัตถเลขาส่วนพระองค์ถึงสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีฯ อย่างสม่ำเสมอ และในทุกฉบับ พระองค์ทรงแสดงพระทัยถึงความรู้สึก"คิดถึง รักลูก ห่วงเมีย" อย่างเปี่ยมล้นสนิทเสน่หาสุดซึ้งเป็นที่สุด

ถึงแม้ว่า "การที่ฉันเขียนหนังสือนี้ดูเปนที่เบื่อหน่ายของคนอื่นเต็มที แต่ช่างเปนไร ฉันหลงเมีย ไม่ใช่หลงผู้หญิงที่ไหน"


ในคำบันทึกของนายแพทย์มัลคอล์ม สมิธซึ่งเป็นแพทย์ยุโรปในราชสำนัก ได้สะท้อนถึงเคล็ดลับที่ทำให้สมเด็จพระนางเจ้าสาวภาผ่องศรีฯ ทรงมีบุคลิกภาพที่น่าชื่นชม เป็นที่สนิทสิเนห่าของรัชกาลที่ 5 อย่างที่สุด

หนึ่ง.  "ทรงมีพระวรกายได้สัดส่วน พระหัตถ์และพระบาทได้รูป อ่อนละมุม"

สอง.  "แม้พระชนอายุมากขึ้น แต่พระพักตร์ก็ดูอ่อนเยาว์กว่าวัย ไม่ปรากฏริ้วรอยอันใด"

สาม.  "พระเกษาดกและดำขลับ.. พระภูษาของพระองค์ก็อบร่ำในภาชนะดินเผาที่ฝาขดเทียนไขผสมกลิ่นชะมดไว้ เมื่อจุดทิ้งไว้แล้วปิดฝา ควันหอมที่ตระลบอยู่ก็จะอบร่ำภูษาให้มีกลิ่นหอม"

สี่.  "ทรงระมัดระวังพระสิริโฉมอยู่เสมอ ทรงใช้เวลาค่อนข้างนานในการแต่งพระองค์ในแต่ละวัน...."

ห้า.  "ทรงสรงน้ำที่มีกลิ่นหอมสดชื่นทำขึ้นจากดอกไม้สดและสมุนไพรที่เป็นเครื่องหอม"

หก.  "ทรงมีปฏิภาณหลักแหลม ทั้งที่ไม่เคยทรงได้รับการศึกษาตามแบบสมัยใหม่ แต่ทรงสะสมความรู้จากประสบการณ์ รวมทั้งความเฉลียวฉลาด สุขุมและช่างสังเกตของพระองค์เอง"

เคล็ดลับดังกล่าวของสมเด็จพระนางเจ้าสาวภาผ่องศรีฯ ไม่ได้เป็นสิ่งที่ล้าสมัยเลยสำหรับหญิงไทยในยุคสมัยปัจจุบัน ไม่ว่าจะอยู่วัยไหนช่วงใดของชีวิต

เพราะนี่คือเคล็ดลับที่สามารถนำไปประยุกต์ปรับใช้เพื่อเพิ่มเสน่ห์ในตัวและสร้างเสริมบุคลิกภาพให้เป็นที่ชื่นชมมัดใจชายได้อย่างสนิทสิเน่หา(ไม่มากก็น้อย)



.

24 ธันวาคม 2553

เสน่ห์เสื้อแดง

.



     อยากฝันว่า บ่ายวันคริสต์มาสนี้ จะได้เห็นความงามบนถนนราษฏร์ประสงค์ที่ผู้คนมากหน้าหลายตาแต่ใจเดียว    ต่างพากันแต่งซานตาคลอสสีแดงสดใสโดยไม่ได้นัดหมาย   ส่งรอยยิ้มให้กันและกันประหนึ่งเป็นคนกันอกกันเอง สนุก
สนานจนลืมความแตกต่าง เป็นสีแดงที่มีเสน่ห์เหลือหลาย

      เป็นสีแดงที่ทั่วโลกยินดีปรีเปรมกันทั่วหน้า

      เมอร์รี่สีแดง เมอร์รี่คิสมาร์ค



พวกเราเดินหน้าเตรียมตัวฉลองวันแห่งความสุขนี้


South Koreans dressed in Santa Claus costumes participate in a Santa Claus School class for the Christmas holiday season at the Everland amusement park on November 26, 2008 in Yongin, South Korea. Christmas has become increasingly popular over the years in South Korea, which is the only East Asian country to recognize Christmas as a national holiday.
แกนนำเสื้อแดงกำลังชี้แจงให้ทุกคนเตรียมตัว

South Koreans dressed in Santa Claus costumes participate in a Santa Claus School class for the Christmas holiday season at the Everland amusement park on November 26, 2008 in Yongin, South Korea. Christmas has become increasingly popular over the years in South Korea, which is the only East Asian country to recognize Christmas as a national holiday.
เตรียมสนุกให้สุขให้เต็มที่


South Koreans dressed in Santa Claus costumes participate in a Santa Claus School class for the Christmas holiday season at the Everland amusement park on November 26, 2008 in Yongin, South Korea. Christmas has become increasingly popular over the years in South Korea, which is the only East Asian country to recognize Christmas as a national holiday.
ตื่นเต้นจังเลย


South Koreans dressed in Santa Claus costumes throw their hats in the air in celebration after a graduation ceremony at the Santa Claus School class for the Christmas holiday season at the Everland amusement park on November 26, 2008 in Yongin, South Korea. Christmas has become increasingly popular over the years in South Korea, which is the only East Asian country to recognize Christmas as a national holiday.
ขอสนุกให้เต็มเปี่ยมสักวัน



South Koreans dressed in Santa Claus costumes participate in a Santa Claus School class for the Christmas holiday season at the Everland amusement park on November 26, 2008 in Yongin, South Korea. Christmas has become increasingly popular over the years in South Korea, which is the only East Asian country to recognize Christmas as a national holiday.
ว้าว.....จมูกก็แดงด้วย



ลงน้ำ เสื้อแดงของเราก็มีเสน่ห์



South Koreans dressed in Santa Claus costumes take a ride on the roller coaster during a Santa Claus School class for the Christmas holiday season at the Everland amusement park on November 26, 2008 in Yongin, South Korea. Christmas has become increasingly popular over the years in South Korea, which is the only East Asian country to recognize Christmas as a national holiday.
ยกสองมือว่าสนุกอย่างเต็มที่


แน่นอนที่สุด..รายการนี้เราสองคนพลาดไม่ได้ครับ


.

19 ธันวาคม 2553

จุดเปลี่ยนของผู้นำ

.


     ชีวิตของทุกผู้นามล้วนแต่มีจุดเปลี่ยนในช่วงใดช่วงหนึ่ง
     จุดเปลี่ยนของบางคนเล็กเกินกว่าที่จะพลิกผันชีวิตหนึ่งๆได้
     แต่จุดเปลี่ยนของอีกหลายๆคนใหญ่หนักหนาจนเปลี่ยนแปลงชีวิตทั้งชีวิต เป็นชีวิตที่
ไม่เหมือนเดิม เป็นชีวิตที่หวนหาอดีตอยู่ร่ำ  เป็นชีวิตที่ต้องถามตัวเองอยู่เสมอว่า
     "รู้แบบนี้ ไม่ทำดีกว่า"  หรือ  "รู้แบบนี้ ทำดีกว่า"
      แต่ก็สายเกินไปแล้ว

     อดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสันแห่งสหรัฐฯ รู้ซึ้งดีว่า "คดีวอเตอร์เกท" คือจุดเปลี่ยน
ที่พลิกผันชีวิตการเมือง ทำให้สูญเสียอำนาจอย่างน่าอับอายที่สุด


                      
                             คดีวอเตอร์เกตที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนของริชาร์ด นิกสัน
      

























อาจจะมีผู้นำบางคนที่โชคดีรอดพ้นจากวิกฤติที่สาหัสสากรรจ์    หนึ่งในจำนวน้อย
นั้นก็คือกรณีของอดีตประธานธิบดีบิล คลินตัน ทั้งๆ ที่เผชิญกับวิกฤติ  "เลวินสกี้" ที่นับ
เป็นมรสุมที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตทางการเมือง ที่หลายคนเชื่อว่า อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของ
อดีตผู้นำสหรัฐฯคนนี้ก็ได้
       แต่กลับกลายเป็นว่า คลินตันดวงดีสามารถเอาตัวรอดจากวิกฤติ "เลวินสกี้"ได้อย่าง
โชคช่วยเป็นที่สุด เพราะไม่เพียงแต่รอดพ้นไม่ถูกถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดี
ของประเทศแล้ว  แต่ยังอยู่ในตำแหน่งบริหารประเทศต่อไป จนสามารถสร้างประวัติ
ศาสตร์นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง กลายเป็นผู้นำประเทศที่ได้รับคะแนนนิยมมาก
ที่สุดเมื่อก้าวลงจากตำแหน่งตามวาระ



             
                  ถึงแม้จะรอดพ้น แต่บิล คลินตันไม่มีวันลืมเลือนวิกฤติ "เลวินสกี้"


    















      "จุดเปลี่ยน" ของผู้นำไทยสองคนที่เป็นตัวอย่างเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจน่าพินิจ
พิเคราะห์ เพราะเป็น "จุดเปลี่ยน" ที่มีผลอย่างสั่นสะเทือนสังคมการเมืองไทยปัจจุบัน
      คนหนึ่งชื่อ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ที่ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ได้สร้าง
ประวัติศาสตร์เป็นผู้นำคนแรกที่สามารถดำรงตำแหน่งจนครบวาระสี่ปี     และชนะการ
เลือกตั้งในสมัยที่สองด้วยคะแนนเสียงถล่มทลายเป็นประวัติศาสตร์ของการเมืองไทย





                             ยึดทรัพย์, ทักษิณ ชินวัตร
                          "ภาษี" คือจุดเปลี่ยนในชีวิตของ "ทักษิณ"
 

 
    















     ด้วยความสำเร็จสองประการดังกล่าว   อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุณทักษิณเกิด
ความมั่นใจในตัวเองเพิ่มมากขึ้นมั่นใจว่าจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์อีกหลายๆหน้า
ในการเมืองไทย จน"มองข้ามเส้นผมที่บังภูเขา"
     ใครจะเชื่อว่า "วันนี้" ของคุณทักษิณซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนายกรัฐมนตรีร่ำรวยที่สุด จะ
ไม่ใช่ "วันนี้" จริงๆที่หวังไว้
     ตลอดช่วงระยะเวลา 5 ปีที่อยู่ในอำนาจผู้นำสูงสุดของประเทศ พ.ต.ท.ทักษิณคงจะ
ไม่เชื่อว่า  การขายหุ้นของชินคอร์ปให้กับกลุ่มเทมาเส็กมูลค่ากว่า 7.3 หมื่นล้านบาทคือ
จุดเปลี่ยนผันที่หนักหนาที่สุดในชีวิต
       เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตในวันนี้ทั้งหมด ที่ไม่เพียงแต่สูญเสียอำนาจทางการเมืองเท่า
นั้น แต่จำเป็นต้องระหกระเหินไปอาศัยในอยู่ต่างประเทศ
      ด้วยจุดเปลี่ยนดังกล่าว ทำให้ชีวิต "วันนี้" ของพ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่ "วันนี้" จริงๆ
ที่หวังไว้


      เช่นเดียวกัน   จุดเปลี่ยนของพลตรีขัตติยะ สวัสดิผลหรือเสธ.แดงผู้มีบทบาทสำคัญ
อย่างยิ่งยวดในช่วงระหว่างการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงและความขัดแย้งในช่วงเดือน
เมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา  คืออีกตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนถึงจุดพลิกผันในชีวิตที่ทำให้
เสธ.แดงไม่อาจจะมีชีวิตใน "วันนี้" เหมือนเช่นชีวิตจริงๆ ใน "วันนี้" ที่หวังไว้



"การถูกมองข้าม" คือจุดเปลี่ยนในชีวิตของ "เสธ.แดง"

     อะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ "เสธ.แดง" กลายเป็น "เสธ.แดง" ที่สามารถสั่นสะเทือนวง
การทหารและการเมืองไทยได้อย่างมากมายเพียงนี้
     ลูกสาวเพียงคนเดียวของเสธ.แดงได้สะท้อนให้เห็นอย่างค่อนข้างจะชัดเจนถึงจุด
เปลี่ยนในชีวิตของเสธ.แดงผู้เป็นบิดาบังเกิดเกล้าคนนี้

     "คุณพ่อพูดตลอดว่า อยากเป็น 1 ใน 5 เสือทบ.เพราะคุณพ่ออยากมาก พูดแล้วอยาก
จะร้องไห้ ทุกครั้งที่โผทหารออก คุณพ่อก็จะหวังทุกครั้ง ก็พยายามวิ่งเต้นแต่มันก็ไม่ได้
ผล    ไม่ทราบเพราะอะไรหรือคุณพ่อคุมยาก  
     "คือไม่มีใครให้โอกาสคุณพ่อทำงานในกองทัพ คุณพ่อติดยศ พลตรี มา 10
กว่าปี   ทำอย่างไงให้ตัวคุณพ่อได้รู้สึกมีอะไรตื่นตัวตลอด คุณพ่อต้องทำงานภาค
ประชาชน..... ยิ่งพอโอนมาด้านการเมืองแล้ว ประชาชนที่รักคุณพ่อก็ให้การตอบรับดี
แล้วจะไม่ให้คุณพ่อรักเขา แล้วคุณพ่อจะทำเพื่อเขาได้อย่างไร
     กับอีกทางหนึ่งให้เขาหยุดอยู่ตรงนั้นมาตั้งนานโดยไม่ได้รับคำชื่นชมอะไรเลย "

     โดยข้อเท็จจริง เสธ.แดงเป็นพลตรีตั้งแต่เดือนตุลาคม 2541 จนถึงวันสิ้นชีวิตเป็น
เวลานานเกือบ 12 ปีซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างผิดปกติ
     ไม่มีใครรู้ได้แน่ว่า หากได้รับการเลื่อนยศให้เป็นพลโทหรือพลเอกจริง "เสธ.แดง"
คนนี้อาจจะไม่ใช่ "เสธ.แดง" ที่สังคมการเมืองไทยรู้จักคุ้นเคยก็เป็นได้ 
     เพราะไม่เคยได้รับโอกาสหรือได้รับการสนับสนุน จึงอาจจะทำให้ "เสธ.แดง"  คน
นี้กลายเป็น "เสธ.แดง" ในบทบาทที่สังคมการเมืองไทยพบเห็นในช่วงวิกฤติที่ผ่านมา
     กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สั่นสะเทือนกองทัพและการเมืองไทยอย่างไม่น่าเชื่อ









.

16 ธันวาคม 2553

คำคมของ "คนเหล็ก"

.

     
          Arnold Schwarzenegger has delivered a series of memorable one-liners throughout his career, in both his films and subsequent political career.
"คนเหล็ก" เมื่อ 33 ปีที่แล้ว ในวันที่โชว์กล้าม ณ เมืองคานส์ 





















จากแชมป์โลกเพาะกาย สู่ดาราฮอลิวูดส์ชื่อดังสุด วันนี้อาร์โนด์ล ชวาร์ซเนเกอร์ใน
ฐานะผู้ว่าการรัฐแคลิเฟอร์เนียได้ให้ข้อคิดที่สำคัญสำหรับการจะประสบความสำเร็จ
ว่า.....


      "การเพาะกายก็เหมือนเช่นการเล่นกีฬาอื่นๆ  การที่จะประสบความสำเร็จ
      นั้น คุณต้องทุ่มเทมุ่งมั่นร้อยเปอร์เซ็นต์กับการฝึกฝน ใส่ใจในเรื่องอาหาร
      โภชนาการ เช่นเดียวกับการปรับสภาพจิตใจใด้ดีพร้อม"


การเพาะกายต้องอาศัยเวลา จึงจะได้กายที่สวยงาม เช่นเดียวกัน การ "เพาะใจ" ก็ไม่
ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืนได้

หากเราสามารถ "เพาะใจ" ให้มั่นคงแล้ว อุปสรรคใดๆ ก็ก้าวพ้นได้เสมอ


.

15 ธันวาคม 2553

การตัดสินใจของฟีฟ่า: อังกฤษโกรธ รัสเซียยิ้ม กาตาร์ปลื้ม

.

   ด้วยความที่อังกฤษคาดหวังเป็นอย่างมากว่าปี 2018 คือโอกาสที่ดีที่สุดที่ฟุตบอลโลกโลกจะได้กลับคืนสู่มาตุภูมิ  และได้รับคัดเลือกจากสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศหรือฟีฟ่าให้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกในอีก 8 ปีข้างหน้า 

แต่ความฝันอันยิ่งใหญ่ของอังกฤษต้องพังทลายจบสิ้นจบเห่อย่างชนิดเสียหน้าเสียความรู้สึกมากที่สุด  เมื่ออังกฤษได้รับเสียงสนับสนุนเพียง 2เสียงจากคณะกรรมการฟีฟ่า ทั้งหมด 22 คนเป็นความอัปยศยิ่งกว่าตอนสมัครเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2006  และเป็นความขมขื่นที่สุดซ้ำสองในรอบหกเดือนสำหรับชาติผู้ให้กำเนิดเกมกีฬาฟุตบอล



หากยังมีชีวิตอยู่ เจ้าหมึกพอลคงได้ทำหน้าที่
เลือกเจ้าภาพบอลโลกแบบไม่มีปัญหามี

ทำไมในรอบ 40 ปีที่ผ่านมามหาอำนาจลูกหนังอย่างอังกฤษจึงแทบจะไม่ประสบความสำเร็จทั้งบนสนามหญ้าและในวงจรอำนาจของฟีฟ่า

หากมองย้อนหลังกลับไปเมื่อ 44 ปีก่อน ปี 1966 ถือเป็นปีทองที่ทีมอังกฤษสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์  แต่ได้สร้าง แผลทาง
ใจ” ระหว่างอังกฤษกับหลายๆประเทศในลาตินอเมริกาที่ยังรู้สึกต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
นี้บวกกับ แผลของสงครามฟอล์คแลนด์กับอาร์เจนติน่าที่ยังไม่จางหาย จึงเป็นเรื่อง
ยากที่อังกฤษจะได้รับการสนับสนุนกลุ่มประเทศอเมริกาใต้อย่างแข็งขัน

ในขณะเดียวกัน     อังกฤษก็แทบจะไม่มีแนวร่วมพันธมิตรในยุโรปที่พร้อมจะเทเสียงสนับสนุนด้วยเหตุผลปัจจัยหลายๆประการ     และเหตุผลหนึ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้ก็คืออังกฤษเคยมี “ประวัติเสียมาก่อนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ที่ตามมาหลอกหลอนอังกฤษในวันนี้เสียเอง  

ย้อนหลังไปเมื่อ 2 ทศวรรษที่แล้ว  การพังทลายของกำแพงเบอร์ลินและการรวมประเทศเยอรมนีเป็นหนึ่งเดียวเป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองที่สำคัญที่สุดในช่วงสั่งลาศตวรรษที่ 20 สำหรับชาติเยอรมนีแล้ว    การเป็นเจ้าภาพฟุตบอลระหว่างประเทศคือสัญญลักษณ์ที่สำคัญหนึ่งของความสำเร็จนี้ 

ว่ากันว่า   มีการตกลงแบบสัญญาสุภาพบุรุษระหว่างผู้ใหญ่แห่งวงการฟุตบอลอังกฤษและเยอรมนีในขณะนั้นว่า  เยอรมนีจะสนับสนุนอังกฤษให้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลยุโรปปี 1996  และอังกฤษจะสนับสนุนเยอรมนีเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกเป็นการแลกเปลี่ยน    แต่ความสำเร็จของการเป็นเจ้าภาพ ยูโร 96”     บวกกับความล้มเหลวที่ไม่สามารถคว้าแชมป์ในบ้านได้      ทำให้อังกฤษลืมคำสัญญาและสมัครเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2006 แข่งกับเยอรมนี  

ท้ายที่สุดแล้ว  เยอรมนีได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพ พร้อมกับความพ่ายแพ้น่าผิดหวังของ
อังกฤษที่ผ่านไปได้เพียงรอบสอง (ด้วยเสียงสนับสนุนเพียง 2 เสียงเทียบกับ 11 เสียงสำหรับเยอรมนี)

เพราะฉะนั้นแล้ว   ตราบใดที่อังกฤษยังขาดแนวร่วมพันธมิตรที่แนบแน่นทั้งในยุโรปและ
ลาตินอเมริกา ก็เป็นเรื่องยากที่อังกฤษจะได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอในฟีฟ่า นั่นหมาย
ถึงโอกาสที่อังกฤษจะได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพภายใต้ระบบการโหวตเลือกของฟีฟ่าในปัจจุบันก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ยากเกินแกง

ในขณะเดียวกัน ปัจจัยบุคคลก็แทบจะไม่มีอิทธิพลหรือเพิ่มน้ำหนักให้แก่อังกฤษ ถึงแม้ว่า เดวิด เบ๊กแคมคือ หน้าตาของอังกฤษที่คนทั่วโลกจดจำได้ดีที่สุด     แต่ชื่อเสียงความดังของฮีโร่มีเดียเมดคนนี้  ก็ไม่สามรถแปรเปลี่ยนให้เป็นคะแนนเสียงในฟีฟ่าได้เทียบชั้นไม่ได้กับอิทธิพลบารมีของฟรานซ์ เบคเคนบาวอ์ อดีตกัปตันทีมชาติเยอรมนี ผู้ยิ่งใหญ่ตัวจริงแห่งวงการโลกลูกหนังและฟีฟ่า

เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า อำนาจทางการเมืองไม่ได้เป็นหลักประกันในวงการโลกกีฬาเสมอไป แม้กระทั่งผู้นำที่มีอำนาจทางการเมืองมากที่สุดในโลกอย่างประธานา
ธิบดี บารัค โอบาม่าก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในความพยายามล๊อบบี้ด้วยตนเอง เพื่อช่วยหาเสียงสนับสนุนให้ชิคาโกเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิคปี 2016 เรียกว่าร่วงตกรอบแรกอย่างไม่เป็นท่าเหมือนอังกฤษไม่มีผิด  เพราะฉะนั้น จึงไม่แปลกใจที่บทบาทและการล๊อบบี้ด้วยตนเองของนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน  และเจ้าชาย วิลเลี่ยมในช่วงโค้งสุดท้ายจะไม่บังเกิดผลใดๆ เลย


ความร่วมมืออย่างแข็งขันของเจ้าชายเฮนรี่
นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนและเดวิด แบ็กแคม


แต่ความสำเร็จของรัสเซียในครั้งนี้ ต้องถือเป็นเครดิตของนายกรัฐมนตรีวลาดิเมียร์ ปูติน มากกว่าใครๆทั้งหมดอย่างไม่มีข้อสงสัย    และมีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าปูตินจะหวนกลับคืนสู่อำนาจในตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งในอีกสองปีข้างหน้าต่อเนื่องไปจนถึงปี 2020

 
นอกเหนือจากปัจจัยทางการเมืองและปัจจัยบุคคลดังกล่าวแล้ว  ปรัชญาของฟีฟ่าก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องพิจารณาให้ความสำคัญมากๆ   เพราะไม่ว่าอังกฤษจะมีความพร้อมและมีแผนการข้อเสนอที่ดีเลิศมากแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าอังกฤษจะได้รับเลือกโดยดุษฎี 

ฟีฟ่ายึดมั่นในปรัชญาและวิสัยทัศน์ที่ว่าฟุตบอลโลกคือเกมกีฬาของโลกที่ต้องเปิดกว้างให้ทั่วทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมและมีโอกาสมากที่สุด และอาจจะด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้รัสเซียและกาตาร์แตกต่างและได้เปรียบคู่แข่งขันอื่นๆ    

ฟีฟ่าเชื่อมั่นว่า
 
การเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกของรัสเซียและกาตาร์จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโลกลูกหนังและโลกการเมืองมากมายยิ่งกว่าอังกฤษ เหมือนเช่นที่เคยเปิดโอกาสให้แอฟริกาใต้เป็นประเทศแรกในทวีปแอฟริกาเมื่อเร็วๆนี้     

รัสเซียเป็นเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เป็นอดีตยักษ์ใหญ่มหาอำนาจโลกคอมมิวนิสต์ที่ยังคงอิทธิพลในโลกปัจจุบันอยู่ไม่น้อย    และเกมฟุตบอลฝังรากลึกอยู่ในสังคมรัสเซียควบคู่กับเหล้าว๊อดก้ามานาน  นอกจากจะเป็นประเทศแรกในยุโรปตะวันออกแล้ว รัสเซียจะกลายเป็นประเทศ (อดีต)คอมมิวนิสต์ประเทศแรกที่ได้รับเกียรตินี้จากฟีฟ่า



ของขวัญที่ล้ำค่าสำหรับผู้นำรัสเซีย - เจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018

สำหรับกาตาร์ ถึงแม้จะเป็นเจ้าภาพที่มีขนาดประเทศเล็กที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ความสำคัญหลายๆประการของกาตาร์ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องกล่าวถึง  เพราะนอกจากจะเป็นประเทศอาหรับประเทศแรกในตะวันออกกลางแล้ว   กาตาร์กำลังจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นประเทศมุสลิมประเทศแรกที่ได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก  ทำให้ความฝันของกลุ่มประเทศมุสลิมเป็นจริง หลังจากที่อียิปต์และโมร็อคโคเคยล้มเหลวมาก่อนหน้านี้ 
 
 
กาตาร์สร้างประวัติศาสตร์เป็นประเทศอาหรับ
ประเทศแรกที่ได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก

เชื่อได้ว่า ปัจจัยทางการเมืองที่สำคัญที่สุดที่ทำให้กาตาร์ได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกก็คือ ปัจจัย อิสราเอล” ซึ่งผู้นำกาตาร์ได้ประกาศอย่างชัดเจนตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่า ยินดีต้อนรับทีมชาติอิสราเอลหากสามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้  และในช่วงสามปีที่ผ่านมา กาตาร์ก็ได้ดำเนินมาตรการที่ยืดหยุ่นทั้งทางกฎหมายและการทูตนี้ ด้วยการอนุญาตให้นักเทนนิสอิสราเอลเข้าประเทศเพื่อร่วมแข่งขันรายการโดฮาแชมเปี้ยนชิพได้โดยไม่ปรากฏว่ามีการคัดค้านจากประเทศอาหรับอื่นๆ  

ประการสำคัญ กาตาร์ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมฟุตบอลของกลุ่มประเทศอาหรับทั้งหมดในการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2022 เสมือนหนึ่งเป็นการรับรองนโยบายที่ยืดหยุ่นและเปิดกว้างครั้งประวัติศาสตร์นี้ของกาตาร์

ด้วยเงื่อนไขเปิดดังกล่าว  บางทีเราอาจจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นก้าวกระโดดที่สำคัญสำหรับสันติภาพและการสมานฉันท์ในตะวันออกกลางก็เป็นได้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งความหวังที่จะเห็นทีมฟุตบอลอิสราเอลกลับเข้ามาสังกัดโซนเอเชียอีกครั้งหนึ่งนับตั้ง แต่ปี 1972   หรือมิฉะนั้น   หากสามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้(ด้วยโควต้าของโซนยุโรป)  เราอาจจะเห็นทีมชาติอิสราเอลแข่งขันบนแผ่นดินประเทศอาหรับเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปีพอดิบพอดีก็เป็นได้

ความภูมิใจสำหรับชาวอาหรับทั้งมวล

และสิ่งที่จะต้องจับตามองมากเป็นพิเศษ ณ เวลานี้ก็คือ   ผู้นำกาตาร์จะสนใจและไฟเขียวให้มีการเข้าไปเทคโอเวอร์สโมสรท๊อตแน่ม ฮอทสเปอร์ในอังกฤษหรือไม่  เพราะ
ด้วยความสำคัญทางประวัติศาสตร์แล้ว นี่คือสโมสรของคนเชื้อสายยิว ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์อีกครั้งหนึ่งว่า อาหรับและยิวสามารถร่วมอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันได้หรือไม่ 

นี่คือเสน่ห์ของเกมกีฬาฟุตบอลที่สามารถผลักดันให้เกิดหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยปัจจัยการเมืองอื่นๆ หรือด้วยช่องทางปกติ “กาตาร์ 2022” จึงมีความหมายความสำคัญมากยิ่งกว่าเพียงแค่เกมฟุตบอลเท่านั้น

กล่าวสำหรับประเทศไทยแล้ว นี่คือโอกาสทองอันสำคัญเพราะความใกล้ชิดที่แนบแน่นอย่างยิ่งระหว่างผู้นำของสมาคมฟุตบอลไทยและกาตาร์ น่าจะเป็นเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยให้ฝ่ายไทยเจรจาร้องขอให้รัฐบาลกาตาร์เปิดทางให้แรงงานไทยจำนวนมากสำหรับการก่อสร้างสนามแข่งขันจำนวน 12 สนามและการคมนาคมขนส่งอื่นๆ ทั่วประเทศมูลค่านับล้านล้านบาท และวาดหวังว่า ประเทศไทยจะโชคดีเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับมอบสนามใดสนามหนึ่งหลังการแข่งขันสุดสิ้นลงเป็นของขวัญอันล้ำค่าจากกาตาร์

อารมณ์ปลื้มของรัสเซียและกาตาร์เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เช่นเดียวกับอารมณ์โกรธค้างและผิดหวังอย่างสุดๆของอังกฤษ เชื่อว่าฟีฟ่าคงต้องหาวิธีการที่จะสมานแผลในครั้งนี้เป็นแน่ เหมือนเช่นกรณีที่เกิดขึ้นในช่วงฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้ที่ผ่านมา ว่ากันว่าฟีฟ่าเลือกทีมผู้ตัดสินชาวอังกฤษให้ทำหน้าในนัดชิงชนะเลิศ ด้วยเหตุผลเพื่อเป็นการชดเชยต่อความผิดพลาดของผู้ตัดสินชาวอุรุกวัยที่ปฏิเสธไม่ให้อังกฤษได้ประตูในเกมแข่งขันกับเยอรมนี

สำหรับอังกฤษแล้ว เชื่อมั่นว่าจะช้าจะเร็ว แผลใหม่ล่าสุดนี้จะได้รับการเยียวยาอย่างแน่นอน  พร้อมทั้งภาวนาวาดหวังว่าจะได้รับโอกาส (ที่มีความเป็นไปได้น้อยมาก) จากฟีฟ่าและสหพันธ์ฟุตบอลแห่งยุโรปให้ เป็นเจ้าภาพฟุตบอล "ยูโร 2012" ร่วมกับโปแลนด์หากว่า ยูเครนไม่มีความพร้อมจริงๆ 
 
 
*(ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 14 ธันวาคม 2553) 
.

5 ธันวาคม 2553

บทบาทพ่อของบารัค โอบาม่า

.
 


   เป็นเรื่องน่าเศร้าที่สุดสำหรับใครสักคนหนึ่งที่เกิดมาโดยไม่มีโอกาสได้รับรู้ว่าใครคือบิดาผู้บังเกิดเกล้า ไม่เคยได้เห็นหน้าค่าตาของผู้กำเนิด หรือไม่เคยได้รับความรักความอบ อุ่นใดๆจากพ่อของตัวเอง
    เช่นเดียวกับชีวิตจริงของประธานาธิบดีบารัค โอบาม่าที่ขาดซึ่งความสมบูรณ์ในส่วนนี้ถึงแม้ว่าในช่วงตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยสองขวบ หนูน้อยโอบาม่าหรือชื่อเดิม "บาร์รี่"จะอยู่ภายใต้ไออุ่นของพ่อแม่เสมอเหมือนครอบครัวอื่นๆ แต่เรียกว่า โอบาม่าในวัยเบบี้นี้เดียงสาเกินไปที่จะรับรู้รับทราบและจดจำพ่อของตัวเองได้


      A young boy possibly in his early teens, a younger girl (about age 5), a grown woman and an elderly man, sit on a lawn wearing contemporary circa-1970 attire. The adults wear sunglasses and the boy wears sandals.
     เด็กชายบาร์รี่กับคุณแม่และและ
   คุณตาเคียงข้างด้วยน้องสาวต่างบิดา
 


This undated photo released by Obama for America shows Barack Obama and his father, also named Barack Obama. Obama's father left the family to study at Harvard when Barack was just two, returning only once. Obama wrote poignantly about this visit in his memoir, remembering the basketball his father gave him, the African records they danced to, the Dave Brubeck concert they attended. Obama, then 10, never saw his father again.
ภาพของพ่อลูก "บารัค โอบาม่า" ที่ผู้นำ
สหรัฐฯคนปัจจุบันพกติดตัวตลอดมา
 

    เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจว่า ทำไมบารัค โอบาม่าผู้พ่อเลือกที่จะเดินทางไปศึกษาต่อที่ฮาร์วาร์ดโดยทิ้งให้แม่ลูกอยู่ตามลำพังในฮาวาย และเดินหันหลังไม่เคยกลับมาเยี่ยมมาพบหาภรรยาและลูกน้อยของตัวเองอีกเลย
    ทำไม? การศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยที่ดีสุดในโลกจึงต้องแลกด้วยต้นทุนที่แพงมากที่สุดขนาดนี้
    จนกระทั่งเมื่อบาร์รี่หรือเด็กชายโอบาม่าอายุได้ 10 ขวบ พ่อลูกคู่นี้จึงได้มีโอกาสพบเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต เป็นช่วงเวลาเพียงหนึ่งเดือนจริงๆที่บารัค โอบาม่าได้อยู่ใกล้ชิดไออุ่นกับพ่อ
    เป็นช่วงเวลาเพียงหนึ่งเดือนที่พ่อลูกคู่นี้ได้ใช้ชีวิตเป็นพ่อลูกจริงๆ
    นี่อาจจะเป็นปมด้อยหนึ่งในใจของผู้นำสหรัฐฯคนนี้ 
    และเมื่อโอบาม่าเติบโตสร้างครอบครัวของตัวเอง เขามักจะพูดอยู่เสมอว่า คนเราทุกคนมักจะมีทางเลือกเพียงสองทางเมื่อถึงวัยอันควร คือต้องพยายามที่จะชดเชยความผิดพลาดของพ่อหรือไม่เช่นนั้นก็ต้องพยามก้าวตามรอยตามความคาดหวังของพ่อ
    แน่นอนที่สุด ประธานาธิบดีผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์เลือกหนทางแรก และด้วยปมด้อยที่ตราตรึงอยู่เช่นนี้ จึงเป็นแรงผลักดันทำให้เขาทำหน้าที่เป็นสามีและพ่อที่ดีที่สุด
    ในทุกอิริยาบท ในทุกๆความเคลื่อนไหวที่เป็นไปได้ โอบาม่าไม่เคยเหนียมอายที่จะแสดงออกซึ่งความรักต่อลูกสาวทั้งสองคนและคู่ชีวิตอย่างอบอุ่นจริงๆ



     
     ความเป็นพ่อที่อบอุ่นก่อนเข้าสู่ทำเนียบขาว
 

"พ่อใฝ่ฝันจะเป็นประธานาธิบดีของประเทศนี้
ก็เพื่ออนาคตของลูกและเด็กๆอเมริกันทุกคน"
 
ชัยชนะนี้เพื่อลูกและลูกมีส่วนสำคัญในชัยชนะนี้


ครอบครัวเป็นหนึ่งเดียวกับชีวิตใหม่ในทำเนียบขาว
 
ในวันที่ย้ายเข้าสู่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคม ปี 2009 
มาเรีย(10 ขวบ)และซาช่า (7ขวบ) กลายเป็น First Daughters
หรือลูกสาวผู้นำที่เยาว์วัยที่สุดนับตั้งแต่ยุคจอห์น เอฟ เคนเนดี้


แม้จะเป็นผู้นำที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก แต่
บารัค โอบาม่าก็เป็นพ่อที่น่ารักมากยิ่งกว่าเดิม


และทำหน้าที่พ่อที่ดีในการรับส่งลูกไปโรงเรียนด้วยตนเอง
  
           
               ครอบครัวของผู้นำที่อบอุ่นและเปี่ยมด้วยรอยยิ้อยู่เสมอ


ในวันแรกๆของชีวิตใหม่ของการเข้าเรียนในกรุงวอชิงตัน
ความอบอุ่นที่พ่อและแม่ "โอบาม่า" มอบให้แก่ลูกสาวทั้งสอง

กำลังต่อรองเงินค่าขนมขอเพิ่มจากอาทิตย์ละหนึ่งเหรียญ

เจ้าโบหมาน้อยที่พ่อบารัคมอบให้เป็นของขวัญ
แก่ลูกสาวในวันย้ายเข้าสู่ทำเนียบขาว


ทุกไออุ่นของพ่อบารัคมีให้กับลูกเสมอในช่วงฮอลิเดย์
พร้อมหน้าพร้อมตาไม่ว่าจะเดินทางไปไหน

ไม่ว่าจะไปตากอากาศที่ใด
 
Malia Obama (AFP-OUT) U.S. President Barack Obama, his wife first lady Michelle Obama, daughter Malia Obama (R), and daughter Sasha Obama (L), prepare to board Marine One helicopter August 29, 2010 on Martha's Vineyard, Massachusetts. The First Family completed their 10-day vacation on Martha's Vineyard and were flying to Cape Cod to board Air Force One to head to New Orleans where the President is giving a speech today on the fifth year anniversary of Hurricane Katrina.
แม้ภาระหน้าที่ในตำแหน่งผู้นำประเทศ
จะรัดตัวมากแค่ไหนก็ตาม

พ่อคนนี้จัดสรรเวลาให้ลูกเสมอ

   
Malia Obama (AFP-OUT) U.S. President-elect Barack Obama embraces his older daughter Malia as younger daughter Sasha looks on before entering the Honolulu Zoo December 30, 2008 in Honolulu, Hawaii. Obama and his family have been in his native Hawaii since December 20 for the Christmas holiday. (Photo by Kent Nishimura-Pool/Getty Images) *** Local Caption *** Sasha Obama;Malia Obama;Barack Obama
อ้อมกอดนี้ให้ไออุ่นกับลูกที่สุด

 
บารัค โอบาม่าในบทบาท "พ่อ" ธรรมดาคนหนึ่ง
โดยไม่มีตำแหน่งประธานาธิบดีมาก้าวก่ายรบกวน

Malia and Barack Obama
ความอบอุ่นของพ่อมีไม่สิ้นสุด


Barack Obama with elder daughter Malia Obama
ความรักของพ่อที่มีให้ไม่จำกัด
 
ความรักอันอบอุ่นที่พ่อมีให้กับลูก

จูบนี้แทนความรัก


จูบนี้สำหรับมาเรียในวันย่างเข้า 12 ขวบ

ลูกคือกำลังใจของพ่อคนนี้
 
 
เพื่อนของลูกก็คือลูกของพ่อเช่นกัน
ความสุขประสาพ่อลูกในฮาวาย
ทุกสัมผัสคือไออุ่นที่พ่อมีให้แก่ลูก


Malia Obama President-elect Barack Obama points out different flavors of shave ice to youngest daughter Sasha (R) as his oldest daughter Malia looks on (L) at Kokonuts Shave Ice and Snacks at Koko Head Marina shopping mall on December 26, 2008 in Honolulu, Hawaii. Obama and his family have been in his native Hawaii since December 20 for the Christmas holiday.  (Photo by Kent Nishimura-Pool/Getty Images) *** Local Caption *** Malia Obama;Sasha Obama;Barack Obama
ในวันที่พาลูกสาวไปซื้อไอติมของโปรดราคาห้า
เหรียญแล้วทิปเงินทอนสิบห้าเหรียญให้แก่คนขาย

และกินน้ำแข็งใสเหมือนลูกโดยไม่แยแส
กับตำแหน่งผู้นำประเทศ


แม้กระทั่งไปซื้อลูกกวาดของหวานขบเคี้ยวให้ลูก


หรือช๊อบปิ้งอย่างมีความสุขธรรมดาที่สุด





เพราะนี่คือสิ่งที่พ่อบารัคไม่เคยได้รับในช่วงวัยเยาว์




การให้ความรักกับลูกคือสิ่งที่พ่อคนนี้ทำได้ดีที่สุด

 
 ร่วมฉลองวันชาติและวันเกิดให้มาเรีย
ลูกสาวคนโตที่เกิดในวันที่ 4 กรกฏาคม

Game time with the Obamas
หรือไปชมกีฬาพร้อมหน้าพร้อมตา


Barack Obama with younger daughter Sasha Obama
ลูกคือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับชีวิตของพ่อคนนี้

Sasha with Barack Obama
พ่อบารัคกำลังสนุกสนานกับซาช่าลูกสาว
คนเล็กอย่างสุดเหวี่ยง


และปั่นจักรยานอย่างสบายอารมณ์กับมาเรีย



ความอบอุ่นในอดีต


ความใกล้ชิดและอบอุ่นที่มากขึ้นในปัจจุบัน
 
 ในจดหมายเปิดผนึกที่โอบาม่าเขียนถึงมาเรียและซาช่าก่อนหน้าวันปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศเมื่อสองปีก่อน ผู้นำแฟมีลี่คนนี้บอกว่า ในชีวิตของเขานั้นแทบจะมีความหมายน้อยมาก ถ้าหากไม่สามารถทำให้ลูกสาวทั้งสองคนมีความสุขอย่างเต็มที่ได้

  "พ่อภูมิใจอย่างมากในตัวลูกทั้งสอง และพ่อรักลูกมากยิ่งกว่าที่ลูกจะรับรู้หรือรู้สึกได้" 

   นี่คือบารัค โอบาม่า ผู้นำแฟมีลี่แมนที่แท้จริง  

   นี่คือพ่อตัวอย่างที่ชาวอเมริกันภูมิใจ


.

มอเตอร์ หรือ สติกเกอร์

เมื่อตอนที่ Real Madrid ทีมดังในสเปนตัดสินใจขาย Claude Makelele ให้กับทีม Chelsea แล้วซื้อ David Beckham มาแทนที่ในช่วงกลางปี 2003 ปรา...